เรื่องเล่าคลายเครียด

เรื่องที่ 1
ชายคนหนึ่งเลี้ยงไก่ไว้ตัวหนึ่งเพื่อเก็บไข่กินทุกเช้า วันหนึ่งเขาออกไปที่สวนหน้าบ้านเพื่อเก็บไข่อย่างเคย แต่พบว่าแม่ไก่ของเขาไปออกไข่ไว้ในสวนข้างบ้าน เขาจึงเดินไปที่สวนข้างบ้านเพื่อเก็บไข่ เมื่อไปถึงเขาพบเจ้าของบ้านกำลังถือไข่อยู่
"ขอไข่ผมคืนเถอะครับ ไก่ผมมันมาไข่ทิ้งไว้ที่นี่"
"ไข่อยู่ในสวนผมก็ต้องเป็นของผม" ชายข้างบ้านตู่
พวกเขาเถียงกันอยู่สักพัก แต่ก็หาข้อยุติไม่ได้ ชายเจ้าของไก่จึงเสนอทางออก
"คนบ้านผม เวลาตัดสินกันไม่ได้ เขาจะใช้วิธีหนึ่งตัดสิน ผมจะเตะผ่าหมากคุณ แล้วจับเวลาดูว่าคุณจะใช้เวลาเท่าไหร่กว่าจะลุกขึ้นมาได้ แล้วคุณก็เตะผ่าหมากผมบ้าง แล้วจับเวลาเหมือนกัน ใครใช้เวลาน้อยกว่าก็ชนะได้ไข่ไป"
ชายข้างบ้านตกลง ชายเจ้าของไก่จึงกลับไปที่บ้านหารองเท้าบู๊ทคู่ที่ใหญ่และหนักที่สุด จากนั้นเดินลากเท้ามาหาชายข้างบ้าน แล้วเตะผ่าหมากเข้าไปสุดแรงเกิด
ชายข้างบ้านทรุดลงไปกองกับพื้น ครึ่งชั่วโมงต่อมาเขาจึงลุกขึ้นมาได้
"เอาล่ะ ตาผมเตะคุณบ้าง" ชายข้างบ้านกล่าว
ชายเจ้าของไก่ถอยฉาก
"โอเค ผมยอมแพ้ คุณเอาไข่ไปเหอะ
เรื่องที่ 2
ชายสามคนยืนอยู่หน้าประตูสวรรค์ เทวทูตบอกพวกเขาว่าที่ว่างในสวรรค์เหลือเพียงอีกหนึ่งที่ ดังนั้นจะพิจารณาให้คนที่ตายอย่างน่าอนาถที่สุดได้เข้ามาอยู่ในสวรรค์ ดังนั้นชายคนแรกจึงเริ่มเล่า
"ผมได้ข่าวลือมาว่าเมียผมมีชู้ ผมก็เลยแอบกลับบ้านไปดูในตอนกลางวัน เมื่อไปถึงบ้านผมก็พบเมียผมแก้ผ้านอนอยู่บนเตียง ผมค้นห้องนอนดูจนทั่วจึงพบว่ามีไอ้หนุ่มคนหนึ่งเกาะอยู่ตรงหน้าต่างใส่แต่กางเกงขาสั้นตัวเดียว ผมโกรธมากจึงทุบมือของเขาจนร่วงหล่นลงไป แต่เขาโชคดี เพราะถึงแม้ว่าบ้านผมอยู่บนคอนโดชั้น ๒๕ แต่เขาดันตกลงบนพุ่มไม้และไม่เป็นอะไร ผมเห็นอย่างนั้นเลยไปยกตู้เย็นมาทุ่มใส่เขา ผมไม่ทันได้เห็นว่าเขาตายรึเปล่าด้วยซ้ำเพราะโรคหัวใจของผมมันกำเริบขึ้นมาพอดี แล้วก็มาอยู่ที่นี่แหละ"
"นั่นเป็นการตายที่น่าเศร้ามากนะ" เทวทูตแสดงความเห็นใจ "แต่ลองมาฟังคนอื่นดูบ้าง"
ชายคนที่สองจึงเริ่มเล่า
"ผมกำลังออกกำลังกายอยู่ที่ระเบียงบ้าน โชคร้ายจริงๆที่ผมลื่นตกลงมา บ้านผมอยู่บนคอนโดชั้นที่ ๒๖ ถ้าผมหล่นลงไปผมตายแน่ แต่โชคยังดีที่ผมคว้าหน้าต่างห้องข้างใต้ได้ แต่ในขณะที่ผมกำลังจะปีนกลับขึ้นมา ไอ้บ้าที่ไหนไม่รู้โผล่มา ทุบมือผมจนผมร่วงตกลงไปอีก ผมร่วงตกลงมาบนพุ่มไม้ก็เลยไม่ตายแต่จุกจนลุกไม่ขึ้น เงยหน้าขึ้นมาอีกทีก็เห็นตู้เย็นหล่นลงมาใส่ผม ผมก็เลยได้มาอยู่ที่นี่"
"คุณนี่น่าเห็นใจจริงๆนะ แต่ผมขอฟังพ่อหนุ่มคนสุดท้ายนี่ก่อนแล้วค่อยตัดสินใจ"
ชายคนสุดท้ายเริ่มเล่า
"ผมเป็นชู้กับเมียชาวบ้าน วันหนึ่งขณะที่เรากำลังมีความสุขกัน สามีเธอดันกลับมาที่บ้าน ผมก็เลยเข้าไปซ่อนในตู้เย็น..."
เรื่องที่ 3
ตำรวจจราจรคนหนึ่งดักจับความเร็วรถอยู่ริมทางหลวง เขาจับความเร็วรถคันหนึ่งได้ที่ ๒๒ กิโลเมตรต่อชั่วโมง
รถคันนี้นี่อันตรายพอๆกับพวกขับรถเร็วเลยแฮะ เขาคิดแล้วตัดสินใจออกไปเรียกบังคับรถให้หยุด
ทันที่ที่รถจอด เขาเดินไปที่รถแล้วพบว่าคนขับเป็นป้าแก่ๆคนหนึ่ง มีคนนั่งมาด้วยกันอีก ๔ คน ทุกคนเป็นหญิงชราวัยไล่เลี่ยกัน ที่แปลกคือทุกคนตาเบิกโพลง
คุณตำรวจ ป้าคนขับถามอย่างงุนงง อีชั้นขับตามความเร็วที่กำหนดพอดี จะจับอีชั้นเรื่องอะไรคะ
คุณป้าครับ คุณป้าไม่ได้ขับเร็วหรอกครับ แต่คุณป้าขับช้ามากผมเกรงว่ามันจะเป็นอันตรายกับรถคันอื่นน่ะครับ ตำรวจชี้แจง
ช้าหรือ? อีชั้นอุตส่าห์ขับตามป้ายความเร็วพอดีเป๊ะเลยนะ ๒๒ กิโลเมตรต่อชั่วโมงพอดีเลย คุณป้าตอบอย่างภาคภูมิใจ
คืองี้ครับ ตำรวจพยายามอธิบายอย่างอดทน ๒๒ นี่เป็นหมายเลขถนนนะครับ ไม่ใช่กำหนดความเร็ว
ด้วยความอับอาย หญิงชราขอบอกขอบใจตำรวจที่ช่วยชี้แจงความเข้าใจผิดของเธอ แล้วเตรียมจะออกรถ
เดี๋ยวครับคุณป้า ผมสงสัยอยู่อย่าง ตำรวจถามด้วยความสงสัย ทำไมเพื่อนๆคุณป้าถึงได้ทำหน้าตาอย่างนั้นกันล่ะครับ
อ๋อ... คุณป้าตอบ คือว่าพวกเราเพิ่งออกมาจากถนน ๒๒๑ น่ะ
ชายคนหนึ่งเลี้ยงไก่ไว้ตัวหนึ่งเพื่อเก็บไข่กินทุกเช้า วันหนึ่งเขาออกไปที่สวนหน้าบ้านเพื่อเก็บไข่อย่างเคย แต่พบว่าแม่ไก่ของเขาไปออกไข่ไว้ในสวนข้างบ้าน เขาจึงเดินไปที่สวนข้างบ้านเพื่อเก็บไข่ เมื่อไปถึงเขาพบเจ้าของบ้านกำลังถือไข่อยู่
"ขอไข่ผมคืนเถอะครับ ไก่ผมมันมาไข่ทิ้งไว้ที่นี่"
"ไข่อยู่ในสวนผมก็ต้องเป็นของผม" ชายข้างบ้านตู่
พวกเขาเถียงกันอยู่สักพัก แต่ก็หาข้อยุติไม่ได้ ชายเจ้าของไก่จึงเสนอทางออก
"คนบ้านผม เวลาตัดสินกันไม่ได้ เขาจะใช้วิธีหนึ่งตัดสิน ผมจะเตะผ่าหมากคุณ แล้วจับเวลาดูว่าคุณจะใช้เวลาเท่าไหร่กว่าจะลุกขึ้นมาได้ แล้วคุณก็เตะผ่าหมากผมบ้าง แล้วจับเวลาเหมือนกัน ใครใช้เวลาน้อยกว่าก็ชนะได้ไข่ไป"
ชายข้างบ้านตกลง ชายเจ้าของไก่จึงกลับไปที่บ้านหารองเท้าบู๊ทคู่ที่ใหญ่และหนักที่สุด จากนั้นเดินลากเท้ามาหาชายข้างบ้าน แล้วเตะผ่าหมากเข้าไปสุดแรงเกิด
ชายข้างบ้านทรุดลงไปกองกับพื้น ครึ่งชั่วโมงต่อมาเขาจึงลุกขึ้นมาได้
"เอาล่ะ ตาผมเตะคุณบ้าง" ชายข้างบ้านกล่าว
ชายเจ้าของไก่ถอยฉาก
"โอเค ผมยอมแพ้ คุณเอาไข่ไปเหอะ
เรื่องที่ 2
ชายสามคนยืนอยู่หน้าประตูสวรรค์ เทวทูตบอกพวกเขาว่าที่ว่างในสวรรค์เหลือเพียงอีกหนึ่งที่ ดังนั้นจะพิจารณาให้คนที่ตายอย่างน่าอนาถที่สุดได้เข้ามาอยู่ในสวรรค์ ดังนั้นชายคนแรกจึงเริ่มเล่า
"ผมได้ข่าวลือมาว่าเมียผมมีชู้ ผมก็เลยแอบกลับบ้านไปดูในตอนกลางวัน เมื่อไปถึงบ้านผมก็พบเมียผมแก้ผ้านอนอยู่บนเตียง ผมค้นห้องนอนดูจนทั่วจึงพบว่ามีไอ้หนุ่มคนหนึ่งเกาะอยู่ตรงหน้าต่างใส่แต่กางเกงขาสั้นตัวเดียว ผมโกรธมากจึงทุบมือของเขาจนร่วงหล่นลงไป แต่เขาโชคดี เพราะถึงแม้ว่าบ้านผมอยู่บนคอนโดชั้น ๒๕ แต่เขาดันตกลงบนพุ่มไม้และไม่เป็นอะไร ผมเห็นอย่างนั้นเลยไปยกตู้เย็นมาทุ่มใส่เขา ผมไม่ทันได้เห็นว่าเขาตายรึเปล่าด้วยซ้ำเพราะโรคหัวใจของผมมันกำเริบขึ้นมาพอดี แล้วก็มาอยู่ที่นี่แหละ"
"นั่นเป็นการตายที่น่าเศร้ามากนะ" เทวทูตแสดงความเห็นใจ "แต่ลองมาฟังคนอื่นดูบ้าง"
ชายคนที่สองจึงเริ่มเล่า
"ผมกำลังออกกำลังกายอยู่ที่ระเบียงบ้าน โชคร้ายจริงๆที่ผมลื่นตกลงมา บ้านผมอยู่บนคอนโดชั้นที่ ๒๖ ถ้าผมหล่นลงไปผมตายแน่ แต่โชคยังดีที่ผมคว้าหน้าต่างห้องข้างใต้ได้ แต่ในขณะที่ผมกำลังจะปีนกลับขึ้นมา ไอ้บ้าที่ไหนไม่รู้โผล่มา ทุบมือผมจนผมร่วงตกลงไปอีก ผมร่วงตกลงมาบนพุ่มไม้ก็เลยไม่ตายแต่จุกจนลุกไม่ขึ้น เงยหน้าขึ้นมาอีกทีก็เห็นตู้เย็นหล่นลงมาใส่ผม ผมก็เลยได้มาอยู่ที่นี่"
"คุณนี่น่าเห็นใจจริงๆนะ แต่ผมขอฟังพ่อหนุ่มคนสุดท้ายนี่ก่อนแล้วค่อยตัดสินใจ"
ชายคนสุดท้ายเริ่มเล่า
"ผมเป็นชู้กับเมียชาวบ้าน วันหนึ่งขณะที่เรากำลังมีความสุขกัน สามีเธอดันกลับมาที่บ้าน ผมก็เลยเข้าไปซ่อนในตู้เย็น..."
เรื่องที่ 3
ตำรวจจราจรคนหนึ่งดักจับความเร็วรถอยู่ริมทางหลวง เขาจับความเร็วรถคันหนึ่งได้ที่ ๒๒ กิโลเมตรต่อชั่วโมง
รถคันนี้นี่อันตรายพอๆกับพวกขับรถเร็วเลยแฮะ เขาคิดแล้วตัดสินใจออกไปเรียกบังคับรถให้หยุด
ทันที่ที่รถจอด เขาเดินไปที่รถแล้วพบว่าคนขับเป็นป้าแก่ๆคนหนึ่ง มีคนนั่งมาด้วยกันอีก ๔ คน ทุกคนเป็นหญิงชราวัยไล่เลี่ยกัน ที่แปลกคือทุกคนตาเบิกโพลง
คุณตำรวจ ป้าคนขับถามอย่างงุนงง อีชั้นขับตามความเร็วที่กำหนดพอดี จะจับอีชั้นเรื่องอะไรคะ
คุณป้าครับ คุณป้าไม่ได้ขับเร็วหรอกครับ แต่คุณป้าขับช้ามากผมเกรงว่ามันจะเป็นอันตรายกับรถคันอื่นน่ะครับ ตำรวจชี้แจง
ช้าหรือ? อีชั้นอุตส่าห์ขับตามป้ายความเร็วพอดีเป๊ะเลยนะ ๒๒ กิโลเมตรต่อชั่วโมงพอดีเลย คุณป้าตอบอย่างภาคภูมิใจ
คืองี้ครับ ตำรวจพยายามอธิบายอย่างอดทน ๒๒ นี่เป็นหมายเลขถนนนะครับ ไม่ใช่กำหนดความเร็ว
ด้วยความอับอาย หญิงชราขอบอกขอบใจตำรวจที่ช่วยชี้แจงความเข้าใจผิดของเธอ แล้วเตรียมจะออกรถ
เดี๋ยวครับคุณป้า ผมสงสัยอยู่อย่าง ตำรวจถามด้วยความสงสัย ทำไมเพื่อนๆคุณป้าถึงได้ทำหน้าตาอย่างนั้นกันล่ะครับ
อ๋อ... คุณป้าตอบ คือว่าพวกเราเพิ่งออกมาจากถนน ๒๒๑ น่ะ