"พ่อครับ...แล้วเรือลำไหนเหรอที่จะหาแม่เจอ" ฮันเทจุนเคยถามพ่อเขาเช่นนั้น แต่กลับถูกฮันจินซบ ผู้เป็นพ่อตอบกลับมาอย่างเย็นชา
"เลิกคิดอะไรโง่ๆ ได้แล้วเทจุน ไม่มีแม่คอยปกป้องแกก็ต้องอยู่ได้ แกต้องเติบโต ต้องแข็งแกร่ง...จำไว้นะ ฮันเทจุน...ก่อนที่แกจะมีทุกอย่างเหมือนที่พ่อมี...แกจะต้องเป็นทุกอย่างเหมือนที่พ่อเป็น"
ลูกชายสบตาพ่อด้วยความไม่เข้าใจ ทั้งคู่เหม่อมองไปที่มหาสมุทรด้วยความรู้สึกต่างกัน "อย่าลืมสิเทจุน...ทุกอย่างที่เห็นทั้งหมดนี้คือของเรา...มหาสมุทรนี้เป็นของเรา"
ฮันเทจุน เหม่อมองทะเลอย่างเลื่อนลอย ไม่เข้าใจความหมายที่พ่อของเขาบอก
เมื่อครั้งฮันเทจุนเติบโตเป็นหนุ่ม เขาจำคำพูดของพ่อที่เคยบอกเขาไว้เสมอว่า "การมีชีวิตก็เหมือนกับการล่องเรือในมหาสมุทร ต้องผ่านทั้งคลื่นลมและมรสุมมากมาย หากเรือลำไหนไม่แกร่งพอ ก็ต้องถูกกลืนหายไปในทะเล...ก็มีแต่เรือใหญ่ที่แข็งแกร่งเท่านั้นที่จะเอาชนะมหาสมุทรลงได้..."
ณ เวลานี้ฮันเทจุนกลับมายืนมองทะเลที่กว้างใหญ่อีกครั้ง ด้วยสีหน้าที่ไม่เข้าใจใดๆ เหมือนเคย
"ถ้ามหาสมุทรนี้เป็นของเราจริง เรือที่ทัดทานต่อพายุไม่ไหวและจมลงสู่ใต้ทะเลก็คงเหมือนกับแม่ของผม...และพ่อของชอย ยองกี"
ชอย ยองกี เด็กหนุ่มลูกชายของคนงานในอาณาจักรเตยัง หลังจากที่พ่อเขาเสียชีวิต ชอย ยองกี ก็ได้เข้ามาเป็นสมาชิกในบ้านของฮันเทจุน เรียนหนังสือไปด้วย และทำหน้าที่เป็นคนขับรถรับส่งฮันเทจุนที่โรงเรียน และที่สำคัญ เขาเป็นเพื่อนรักคนเดียวที่ฮันเทจุนมีอยู่
"การมาถึงของยองกี ไม่ได้ทำให้ผมได้คนขับรถใหม่ แต่ทำให้ผมมีทั้งเพื่อนและพี่ชาย ที่ผมไม่เคยมี...แค่นี้ก็น่าจะเพียงพอแล้วสำหรับบ้านเรา" ฮันเทจุนรำลึกถึงความหลัง
และหลังจากการตายของแม่ฮันเทจุนไม่นาน เขาก็ได้ต้อนรับสมาชิกใหม่อีก 2 คน คือจี แฉวู และมามาริน สองแม่ลูกที่เข้ามาอยู่ในฐานะแม่เลี้ยงและลูกติดของจี แฉวู
ฮันจินซบ แนะนำให้ฮันเทจุน รู้จักทั้งสองว่าเป็นแม่บ้าน ชายหนุ่มไม่ค่อยพอใจนักกับการมาของสองแม่ลูก "แน่ใจเหรอว่าจะมาอยู่ที่นี่ในฐานะแม่บ้าน" ฮันเทจุน ถามจี แฉวู ด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ "บ้านเราต้องการแม่บ้านตั้งแต่เมื่อไหร่!!"
"หยุดนะเทจุน ที่นี่มันบ้านของฉัน ฉันจะให้ใครอยู่ หรือจะไล่ใครไปก็ได้ทั้งนั้น ดีแค่ไหนแล้วที่ฉันไม่สั่งให้แกเรียกเขาว่าแม่...ไม่อย่างนั้นแกก็ต้องเรียก" ฮันจินซบ ตวาดลูกชาย
"ไม่มีทาง!!...ถ้าพ่อคิดว่าจะบงการทุกสิ่งได้เหมือนที่พ่อทำกับเตยัง อาณาจักรของพ่อ...พ่อคิดผิดแล้ว!!" ฮันเทจุนสบตาพ่อนิ่งอย่างถือดี แล้วเดินออกไป
ฮันจินซบมองตามลูกชายไปด้วยความโกรธ จี แฉวู ท่าทางตื่นตระหนกที่เห็นพ่อลูกทะเลาะกัน ทำท่าจะกลับไปอยู่ที่เก่า แต่ฮันจินซบไม่ยอม บอกให้จี แฉวู กับมามาริน อยู่ที่นี่ตามคำสั่งของเขา
ฮันเทจุนหลบมานั่งตกปลาเล่นที่ปลายสะพานริมทะเล ซึ่งเป็นที่โปรดของเขากับชอย ยองกี ที่ตามมาช่วยปลอบใจ
คืนนี้เป็นคืนเลี้ยงฉลองเตยัง ครบรอบ 30 ปี ฮันเทจุนต้องไปร่วมงานในฐานะทายาทเจ้าของกิจการ แต่เขากลับรู้สึกน้อยใจ และไม่อยากไปร่วมงานซะงั้น
"เตยัง...เจ้าแห่งมหาสมุทร...ยองกี นายว่าทะเลมันจะใหญ่สักแค่ไหนกัน..." ชอย ยองกี ยกฝ่ามือขึ้นกาง "มันก็แค่หยดน้ำเล็กๆ เท่านั้นแหละ...แต่ที่มันยิ่งใหญ่ได้ ก็เพราะมันต้องผ่านอะไรมามากมาย กว่าจะมารวมกันอยู่ที่นี่...แล้วก็กว้างใหญ่ซะจนเรามองไปเห็นจุดสิ้นสุดของมัน..."
หยดน้ำในมือชอย ยองกี ไหลลงที่ปลายนิ้ว ต้องแสงเป็นประกาย ฮันเทจุนจับตามองหยดน้ำนั้นด้วยสายตามีความหมาย
โรงแรมสายน้ำเจ้าพระยามีปู่อนล เป็นเจ้าของกิจการ แต่เมื่อเขาเริ่มเข้าสู่วัยชรา จึงอยากฝากฝังกิจการให้อเนชาหลานชายช่วยดูแล
อเนชา เป็นพี่ชายของอินทุภา หรืออินทิรา เติบโตมาพร้อมๆ กับวราลี หรือหนูจัน อินทิรา หรือวราลี เป็นเพื่อนเรียนเพื่อนเล่นกันมาตั้งแต่เด็ก อเนชาแอบชอบวราลี อยู่ และเธอก็แอบชอบอเนชา เช่นกัน แม้แต่ปู่อนล ก็ยังสังเกตเห็น
อเนชา ต้องการจะไปเรียนต่อที่สวิสทางด้านการโรงแรม เพื่อกลับมาบริหารกิจการของปู่ต่อไป ขณะที่อินทิรา และวราลี ก็ต้องเดินทางเข้ามาเรียนต่อในกรุงเทพฯ วราลี ไม่สบายใจเมื่อรู้ว่าอเนชา ต้องไปเรียนที่สวิส อินทิราจึงได้แต่ปลอบ
"หนูจัน...เป็นอะไรไปเหรอ...พี่ชาเขาจะไปเรียนต่อนะ ไม่ได้ไปตาย"
"ก็บอกแล้วไงว่าไม่มีอะไร..."
"ไม่มีอะไรแล้วทำไมต้องทำหน้าซีดด้วยล่ะ"
วราลี ท่าทีอึกอัก พูดไม่ออก
อเนชา เข้ามาคุยกับสองสาว วราลีรีบขอตัวกลับบ้านทันที ทำให้อินทิรา แปลกใจ "อ้าว! ไหนบอกว่าจะค้างด้วยกันไง ทำไมเปลี่ยนใจล่ะ"
"เอ่อ คือลืมไปว่าพรุ่งนี้จะมีคนเขามาลงมะพร้าว ต้องตื่นแต่เช้าไปช่วยแม่น่ะ" วราลี รีบหาเรื่องกลบเกลื่อน
"ว้า เสียดายจัง คิดว่าจะได้นอนคุยกันซะอีก"
"ไปก่อนนะ"
"เดี๋ยวสิ มืดตึ๊ดตื๋ออย่างนี้จะไปคนเดียวได้ไง...พี่ชาไปส่งวราลีด้วยนะ"
"ไม่ต้องหรอก ฉันกลับเองได้ ไม่ต้องไปส่ง" อินทิรา รีบลุกเดินออกไป
"กลัวผีไม่ใช่เหรอเราน่ะ" อเนชาพูดลอยๆ วราลีถึงกับอึ้งเพราะกลัวจริงๆ
อเนชาเดินมาส่งวราลี ที่บ้าน ระหว่างทางเขาก็แกล้งพูดขึ้นลอยๆ เพราะเห็นวราลี ก้มหน้าก้มตาเดินห่างๆ "ไม่ไปเดินในคลองซธเลยล่ะหนูจัน...ทำไมต้องเดินซะห่างขนาดนี้ด้วย หรือว่าเดี๋ยวนี้ไม่กลัวผีแล้ว" วราลี อึกอัก
"เมื่อก่อนนี้เห็นกลัวจนไม่กล้าเดินเอง ต้องขี่คอกลับด้วยซ้ำ...เด็กลิงเอ๊ย..."
วราลี สวนอเนชา ท่าทางโกรธๆ "แล้วเขาก็ไม่ใช่เด็กๆ แล้วด้วย!" อเนชาหยุดมองหน้าวราลี อเนชาจ้องตาวราลี นิ่ง จนวราลี เริ่มหวั่นๆ "รู้แล้วว่าไม่ใช่เด็กๆ เหมือนเมื่อก่อน"
วราลี หน้าร้อนวูบ รีบหลบสายตา ทำอะไรม่ถูก อเนชาชอบใจที่เห็นปฏิกิริยาของวราลี หัวเราะเบาๆ วราลีรู้สึกเขินๆ อายๆ เลยทุบอกอเนชา แรงๆ
หญิงสาวน้ำตาคลอ ก่อนจะตวาดออกมา "คนอะไร จะไปทำไมไม่บอก!" พูดจบวราลี ก็วิ่งกลับไป อเนชา มองตามแล้วยิ้ม สีหน้ามีแผนการบางอย่างในใจ
วราลี กลับมาบ้านโกหกแม่บัวว่าเหมือนจะเป็นไข้ จึงไม่ได้นอนค้างกับอินทิรา ที่บ้าน แล้วเธอก็ถามแม่บัว ด้วยความอยากรู้ "แม่คะ...หนูเป็นสาวแล้วเหรอ..." วราลี อุบอิบถาม
"ถามทำไม"
"ก็...ก็แค่อยากรู้น่ะค่ะ"
"ในสายตาแม่น่ะ ยังไงเราก็ยังเป็นเด็กวันยังค่ำน่ะแหละ ถ้าอยากรู้จริงๆ คงต้องไปถามคนอื่น คนที่นานๆ เจอกันทีอย่างหนูอิน...หรือว่าพ่อชานั่นไง"
วราลี หน้าร้อนวาบก้มหน้าหนี แล้วทำเป็นดึงผ้าห่มจะนอน แม่บัวลอบมองด้วยความแปลกใจ ก่อนจะเดินออกไป
"เรื่องอะไรจะไปถาม...คนบ้า" วราลี บ่นอุบอิบ