ฮันเทจุน เห็นในความเป็นห่วงของชอยยองกี ที่มีต่อมามาริน เขาก็เริ่มเข้าใจอะไรบางอย่างที่ชอยยองกี แสดงออกมา... แต่หารู้ไม่ว่าเสียงละเมอที่มามาริน เพ้อออกมาถึงชื่อฮันเทจุน ตลอดเวลาทำให้ชอยยองกี รู้สึกใจหายอยู่ไม่น้อย ว่าเขาไม่ใช่คนที่มามารินคิดถึง
วันเวลาผ่านไป...เมื่ออินทิรา เรียนจบการศึกษา เธอได้เข้ามาดูแลกิจการโรงแรมสายน้ำเจ้าพระยาอย่างขะมักเขม้น จนดูเหมือนจะยุ่งไปซะทุกเรื่อง
ชาคร ผู้จัดการโรงแรมทำงานโดยพลการ ไล่เชฟของโรงแรมออกโดยไม่แจ้งให้ผู้บริหารรู้ จึงถูกอินทิรา ตำหนิอย่างไม่ไว้หน้า โดยมีปู่อนลนั่งฟังอยู่เงียบๆ
"ไลเชฟออกทั้งๆ ที่รู้ว่าคืนนี้เราจะมีงานเลี้ยง ทำแบบนี้ได้ยังไงคะคุณชาคร"
"ก็ผมทำไปตามหน้าที่ ในเมื่อผมเห็นว่าเขาทำงานไม่เวิร์ก ผมก็ต้องให้เขาออก" ชาครตอบเสียงดังฟังชัด
"แต่คุณหม่อมเป็นเชฟครัวไทยให้กับโรงแรมเรามาสามสิบปีแล้วนะคะ แล้วเรือนสายน้ำ ห้องอาหารไทยของเราก็จุดขายของโรงแรมนี้ คุณเอาอะไรมาตัดสินว่าเขาควรถูกไล่ออก" อินทิราจ้องหน้าชาครเหมือนกับจะกินเลือดกินเนื้อ
"ใจเย็นๆ ทั้งคู่นั่นแหล่ะ...ชาครเป็นผู้จัดการฝ่ายบุคคลย่อมมีอำนาจในการตัดสินใจอยู่แล้ว" ปู่อนลต้องปราม ชาครอมยิ้มด้วยสีหน้าเหนือกว่า
"แต่ถ้าจะใช้อำนาจ ก็ต้องใช้ให้เป็น...ผมขอรายงานด้วย" ปู่อนลหันมาบอกชาคร
"รายงานอะไรครับ"
"ก็รายงานที่จะชี้แจงว่าเหตุใดคุณจึงไล่คนสำคัญคนหนึ่งของเราออกน่ะสิ" ชาครหน้าเสียลงไปทันที
"ผมขอภายในหนึ่งชั่วโมงนะ" ชาครจ๋อยสนิท ก่อนจะลุกออกไป
"คุณปู่นะ ทำไมไม่จัดการล่ะคะ"
"ใจเย็นๆ หนูอิน เราน่ะเป็นผู้บริหารแล้ว ไม่ใช่เด็กๆ จะทำอะไรอย่าแสดงอารมณ์ให้มันมากนัก" อินทิราจ๋อยไป
"แต่เขาทำแบบนี้อินเดือดร้อนนี่คะ อินอุตส่าห์ไปขายงานไว้อย่างดี ตั้งใจว่าจะสร้างแผนกจัดเลี้ยงของเราขึ้นมาใหม่ให้มันแปลกแล้วก็แตกต่างจากที่อื่นเขา อินกับลูกน้องวางแผนกันมาตั้งนานแล้ว ดูซิ แค่งานแรกก็พังซะแล้ว..."
"นี่กี่โมงแล้ว"
"สิบโมงกว่าแล้วค่ะ"
"แล้วงานจะเริ่มกี่โมง"
"หกโมงค่ะ"
"ถ้าอย่างนั้นก็ยังมีเวลาอีกแปดชั่วโมงกว่าจะพูดคำนั้นได้"
"...คำไหนคะ"
"ก็คำว่าพังน่ะสิ" อินทิราจ้องหน้าปู่นิ่ง
"...ยังจะมาจ้องหน้าอีก รีบไปสิ"
"ไป ไปไหนล่ะคะ"
"ก็ไปแก้ปัญหา ไปจัดการ ไปทำทุกอย่างเพื่อให้เจ้าบ่าวเจ้าสาวเขาได้แต่งงานกันคืนนี้ยังไงเล่า"
อินทิราทำหน้าคิดอยู่พักใหญ่ ก่อนจะคิดออกมาได้ แล้วเธอก็ถูกปู่อนลไล่ให้ไปทำงาน โดยไม่ยอมฟังคำเพ้อเจ้อของหลานสาวแม้แต่น้อย ก่อนที่จะส่ายหัวออกมาอย่างเอ็นดูหลานสาว
"เจ้าอินเอ๊ยยย..."
และแล้วเย็นวันนั้นงานแต่งงานที่จัดขึ้นที่โรงแรมสายน้ำเจ้าพระยา ก็ถูกจัดแต่งเสร็จสรรพอย่างลงตัว สร้างความภาคภูมิใจให้กับอินทิราและปู่อนลเป็นอย่างมาก ผู้ที่กลายเป็นเชฟจำเป็นไม่ใช่ใครที่ไหน คือวราลีเพื่อนรักของอินทิรานั้นเอง
หลังจากไปเรียนต่อที่อเมริกา 4 ปี ฮันเทจุนกับชอยยองกี ก็เดินทางกลับมาที่บ้านตระกูลฮันอีกครั้ง มามารินกระวีกระวาดออกมาต้อนรับ ฮันเทจุนอย่างดีใจแล้วโผเข้ากอดอย่างไม่อายสายตาใคร แต่ฮันเทจุนรู้สึกกระอักกระอ่วนใจ
"ทำไมถึงได้กลับมาช้ากว่ากำหนด" ฮันจินซบถามลูกชาย
"ผมอยู่ต่อเพื่อเรียนคอร์สเพิ่มเติมน่ะครับ"
"อะไร" ฮันเทจุนไม่ยอมตอบ
"ฉันถามว่าแกมัวเสียเวลาไปอีกหนึ่งปีเพื่ออะไรทำไมไม่ตอบ"
"ผมไปเรียนถ่ายรูปมา"
ฮันจินซบ มองหน้าฮันเทจุน ด้วยความหนักใจเล็กน้อยแต่ยังไม่ได้แสดงอารมณ์โกรธออกมา
"รู้ใช่มั้ยว่านักเรียนทุนของเตยังทุกคนต้องส่งหนังสือรายงานผลการเรียนและข้อมูลทุกอย่างให้กับบริษัททุกเดือน"
"ทราบครับ ยองกีเคยเล่าให้ฟัง"
"ยองกีไม่ธรรมดา" ฮันเทจุนเริ่มทำหน้าฉงน ว่าพ่อจะพูดอะไร
"ยองกีกำลังจะทำงานให้กับเตยังครบหนึ่งปีเต็ม...ถ้าแกสู้ยองกีไม่ได้ ฉันคงไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน" ฮันเทจุนหมดอารมณ์ทำหน้าเซ็งไปทันที
"พ่อน่าจะภูมิใจที่มีคนเก่งอย่างยองกี" ฮันจินซบจ้องหน้าฮันเทจุนด้วยสายตาแน่วนิ่ง ดุดัน
"ฉันให้โอกาสกับมันเพื่อให้มันกลับมาสร้างประโยชน์ให้กับเตยัง...ไม่ได้สร้างให้มันมาเหนือกว่าแก" ฮันเทจุนสบตาฮันจินซบสีหน้าเครียดๆ
มามารินมาหาฮันเทจุนที่ห้อง เพื่อทวงถามของฝากฮันเทจุนเห็นหน้าเธอทีแรกก็รู้สึกเอือมระอา แต่พอเห็นสายตาแป๋วๆ ของหญิงสาว เขาก็อดใจอ่อนไม่ได้ ก่อนที่จะหยิบรูปถ่ายฝีมือตัวเองส่งไปให้มามารินหนึ่งใบ มามารินรับไปดูงงๆ
"พี่ถ่ายเอง ไม่ชอบหรอ" มามารินยิ้มประจบ
"สวยดี"
มามารินเห็นนิ้วก้อยฮันเทจุนมีแหวนวงหนึ่ง
"แหวนจากที่โน่นหรอ"
"อ๋อ...ใช่ ได้มาตอนไปถ่ายรูปนี้"
"น้องขอได้มั้ย"
"อยากได้หรอ"
มามารินพยักหน้ารับด้วยความดีใจ ฮันเทจุนถอดแหวนออกส่งให้ด้วยความสงสาร
"ใส่ให้น้องได้มั้ย" ฮันเทจุนชะงัก
มามารินมองอย่างอ้อนวอนก่อนที่จะยื่นมือซ้ายให้กับฮันเทจุน สักพักฮันเทจุนจึงคว้ามือเธอไปสวมนิ้วข้างขวาให้
"พี่ชาย...ต้องใส่นิ้วข้างขวา...ส่วนข้างซ้ายมามารินต้องเก็บไว้...สำหรับคนรัก"
มามารินหน้าร้อนวูบด้วยความอับอายและผิดหวัง ฮันเทจุนหันไปเก็บข้าวของต่ออย่างไม่สนใจ มามารินมองฮันเทจุน อึ้งๆ น้ำตากลบตาก่อนจะหันหลังวิ่งออกไปจากห้อง ฮันเทจุนเงยหน้ามองตามไปด้วยความสงสาร รู้ว่ามามารินคิดอย่างไรกับตนเอง