แม่อุ่นพาฮันเทจุนมาพบกับปู่อนลที่เรือนกล้วยไม้พอเห็นปู่ ฮันเทจุนก็ทรุดลงนั่งพับเพียบ แล้วก้มลงกราบแทบเท้า เล่นเอาผู้ใหญ่ตรงนั้นพากันงง
"สวัสดีครับ"
ปู่อนล แม่อุ่น ตาผล มองหน้ากัน มองฮันเทจุนที่นั่งพับเพียบพนมมือแต้อยู่ที่พื้นแล้วหัวเราะก๊าก ฮันเทจุนทำหน้างงๆ ว่าตนทำอะไรผิด...ปู่พาฮันเทจุนไปนั่งดื่มน้ำชาที่เรือนกล้วยไม้
"เอาแค่ไหว้ก็พอไม่ต้องถึงกราบกันหรอก ไม่ใช่พระใช่เจ้า"
"สงสัยผมจะอ่านไม่ละเอียด" ฮันเทจุนยิ้มเกลื่อนๆ ชะเง้อหาอินทิรา"
ฮันเทจุนยกน้ำชาขึ้นจิบ "หอม..."
"ชามะลิน่ะ รู้จักมั้ย ดอกมะลิ" ฮันเทจุนทำหน้างงๆ ส่ายหน้ายิ้มๆ
"นั่นไง ดอกมะลิ" ปู่อนลพยักพเยิดไปที่กอมะลิ กระถางต้นมะลิที่ตั้งอยู่ข้างๆ คู่กับกุหลาบหนู และ ไม้ดอกอื่นๆ อีกหลายกระถาง ฮันเทจุนมองอย่างสนใจ
"ดอกมะลินี่นะ คนไทยเขาเอามาร้อยมาลัยบูชาพระ ถึงจะดูพื้นๆ ไม่โดดเด่นเหมือนพวกกล้วยไม้แต่ก็มีกลิ่นหอมบริสุทธิ์ ชื่นใจ...แล้วนี่ไปยังไงมายังไงถึงได้มาแต่เช้าล่ะ" ฮันเทจุนรู้สึกเขินๆ
แม่อุ่นทำสาคูไส้หมูมาต้อนรับแขกบ้าน ลำไยบอกว่าให้รีบๆ ทานซะก่อนที่อินทิราจะตื่นขึ้นมาแย่ง ฮันเทจุนได้ยินชื่ออินทิราถึงกับหูผึ่ง ยิ้มหน้าบานรีบหยิบช้อนส้อมมาจิ้มกิน ฮันเทจุนเคี้ยวตุ้ยๆ เงยหน้าขึ้นยกนิ้วโป้งให้แล้วโพล่งออกมา
"ตะกละ!" ทุกคนพากันตกใจแล้ว แย้งขึ้นมาพูดพร้อมกัน "อร่อย!" ฮันเทจุนแทบจะสำลักออกมา ทำเอาทุกคนพากันหัวเราะชอบใจ
เสียงหัวเราะดังเฮฮามาจากเรือนกล้วยไม้ทำให้อินทิราต้องเดินออกไปดู เห็นฮันเทจุนนั่งร่วมกลุ่มอยู่กับญาติผู้ใหญ่ก็แปลกใจ "นายเกาหลี !!"
"ก็บอกแล้วไงว่าเขาชื่อ ฮันเทจุน เรียกเทจุนสิ"
อินทิราไม่สนใจ มองไปที่จานสาคูไส้หมูแล้วหันมาค้อน แม่อุ่นที่เอาของโปรดเธอมาให้คนอื่นกิน แม่อุ่นทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ แล้วชวนลำไยเดินหนีไป
"ทานด้วยกันสิครับ" อินทิรามองหน้าฮันเทจุน นิดหนึ่งแล้วนั่งลง
"มาทำอะไรเหรอคะ หรือว่าอยากจะตกน้ำอีก"
"อ้าว เจ้าอิน ทำไมพูดอย่างนั้นล่ะลูก"
"ก็อยากรู้นี่คะ ว่ามาทำไม" ฮันเทจุนนึกหาเหตุผลไม่ออก มองไปมองมาสายตาไปหยุดที่จานสาคูไส้หมู
"ผมจะมารบกวนน่ะครับ"
"มารบกวน มาเพื่อนรบกวนเนี่ยนะ"
"ครับ" สองปู่หลานทำหน้าฉงน
ฮันเทจุนอ้างว่าเขาอยากเรียนอาหารไทย จึงได้มาหาอินทิราที่บ้าน แม่อุ่นจึงอาสาเป็นแม่ครัวช่วยสอนฮันเทจุนทำอาหาร โดยมีลำไยคอยเป็นฝ่ายสนับสนุน
อินทิราแอบดูฮันเทจุน อยู่หน้าครัวพึมพำออกมาเบาๆ "คิดอะไรของเขานะ อยู่ก็อยากจะเรียนทำอาหารไทย"
"เทจุนเขาก็เป็นคนแบบนี้แหละ"
"แหม คุณปู่ขา พูดอย่างกับว่ารู้จักกันมานานอย่างนั้นแหละค่ะ"
"รู้จักไม่นานหรอก แต่อยากจะรู้จักไปนานๆ" อินทิราทำหน้างงๆ
"ทำไมล่ะคะ"
"ดูเอาเองก็แล้วกัน" ปู่อนลมองฮันเทจุนสนุกอยู่ในครัว พูดออกมาสีหน้ามีความสุข อินทิราจับตามองฮันเทจุนแล้วก็อดยิ้มไปอย่างที่ปู่เห็นไม่ได้
ชอยยองกีเริ่มมาทำงานที่ท่าเรือเตยัง มาวันแรกๆ เขาก็เจอปัญหามากมายเกี่ยวกับอุปกรณ์เครื่องจักร ซึ่งทีมช่างหาทางแก้ไขไม่ได้ ชอยยองกีจึงต้องใช้อำนาจ และคำสั่งสั่งงาน ทำให้ลูกน้องไม่ค่อยพอใจนัก
"ใจเย็นๆ ครับ อย่าเพิ่งใจร้อน คนไทยยังไงก็ไม่เหมือนคนเกาหลี" ศักดา พนักงานคนหนึ่ง ประจบเอาใจ
"ไม่เหมือนยังไง"
"แหม ก็เฮฮาประสาไทย ไม่เคยได้ยินบ้างเหรอครับ แฮะๆ"
"เตยังไม่ใช่ท่าเรือเอาไว้ตกปลา ผมไม่ต้องการให้เราด้อยกว่าใคร ไม่ใช่กับแค่คู่แข่ง แต่กับเตยังด้วยกัน เราต้องไม่แพ้สาขาที่ไหนทั้งนั้น"
"ผมเข้าใจครับผู้จัดการ ผมก็แค่อยากจะเกริ่นๆ ไว้ให้รู้จักนิสัยพื้นๆ ของคนไทยเอาไว้บ้าง ผู้จัดการเพิ่งมาถึงใหม่ๆ อาจจะยังไม่คุ้น" ชอยยองกีนิ่วหน้าด้วยความสงสัย
"คนไทยไม่เหมือนคนเกาหลียังไงหรอ"
"แหม เอาง่ายๆ แล้วกันนะครับ... ถ้าเราเหมือนกันเนี่ย เราจะมาเป็นลูกจ้างท่าเรือของคนเกาหลีเหรอครับ... พอจะเข้าใจรึยังล่ะครับ แฮะๆ" ชอยยองกีอึ้งๆ
"มาถึงเมืองไทยเนี่ย ก่อนอื่นเลยนะครับ ผมขอแนะนำให้ทำแบบนี้ครับ" ศักดาฉีกยิ้มให้ดู ชอยยองกีมอง งงๆ
"อะไรเหรอครับ"
"ยิ้มครับยิ้ม ยิ้มไว้ครับ" ชอยยองกีมองหน้าศักดาที่แหกยิ้มอยู่ หัวเราะ หึหึ ออกมา
"นั่นล่ะครับ! ยิ้มไว้ก่อน ยิ้มชนะทุกอย่าง เชื่อผมเถอะที่นี่... บ้านผม"
ชอยยองกีมองหน้าศักดาแล้วหัวเราะกับตัวเอง
ที่สวนมะพร้าวของวราลี เธอกำลังช่วยแม่บัวขนมะพร้าวเอาไปขึ้นรถ หญิงสาวทำไปบ่นไปเพราะความเหนื่อย
"เมื่อไหร่จะเลิกทำซะที ล่ะคะ สวนมะพร้าวเนี่ย เหนื่อยก็เหนื่อย กำไรก็ไม่ได้เยอะแยะอะไรสักหน่อย"
"พูดอะไร ถ้าไม่ทำแล้วจะไปทำอะไรล่ะฮึ"
"ก็ให้คนอื่นเขาเช่าทำก็ได้นี่คะ แม่จะได้ไม่ต้องเหนื่อย แล้วตอนนี้หนูก็พอมีรายได้บ้างแล้ว แม่จะอยู่เฉยๆ ก็ได้นี่นา"
"เราน่ะแหละอยู่เฉยๆ ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น มะพร้าวทุกต้นในสวนนี้ พ่อกับแม่ช่วยกันปลูกด้วยกันมากับมือ ออกลูกออกผลเลี้ยงเรามาตั้งหลายสิบปี จะให้แม่ทิ้งไปได้ยังไง" แม่บัวพูดดุๆ
"จะมาอยู่ในสวนตากแดดตากลมทำไม จะกลับไปทำกับข้าวกับปลาอะไรก็ไปซะสิ" วราลีสีหน้าตกใจ
"แม่ขา หนูเคี่ยวขาหมูไว้ ไม่รู้ป่านนี้เป็นไงบ้าง หนูไปก่อนนะ" วราลีรีบวิ่งออกไป แม่บัวมองตามลูกสาวแล้วขำๆ ที่เธอไม่รู้จักโตสักที
วราลีรีบร้อนวิ่งมาที่บ้านเพื่อดูขาหมูที่เคี่ยวเอาไว้แต่พอมาถึงที่ครัว เธอกลับเห็นอเนชากำลังนั่งกินข้าวขาหมูฝีมือเธออย่างเอร็ดอร่อย หญิงสาวถึงกับอึ้ง รีบหลบเข้าข้างฝาใจเต้นโครมคราม
"ขาหมูของฉัน!! อีตาบ้ากินหมดแล้วมั้งเนี่ย ฮึ่ย!" วราลีพยายามหลบๆ ไม่ให้อเนชาเห็น แต่เสียงดังแว่วๆ ในบ้าน ทำให้อเนชากำลังจะสาวเท้าขึ้นชั้นบนตามไปดู แต่ถูกอินทิรามาขัดจังหวะไว้ซะก่อน
"พี่ชา! พี่ชาจะทำอะไรน่ะ"
"เปล่านี่"
"เปล่าอะไร ก็เห็นๆ อยู่จะขึ้นไปข้างบนทำไม"
"ใครบอกว่าจะขึ้นไป พี่แค่ผ่านมาเฉยๆ" อเนชากลบเกลื่อนแก้ตัว
"พอดีมันได้กลิ่นเหม็นไหม้ ก็เลยเดินเข้ามาดู ไม่เห็นมีคนอยู่ พี่ก็เลยเข้ามาปิดแก๊สให้ ดีแค่ไหนแล้วที่พี่ผ่านมาทัน ไม่อย่างนั้นป่านนี้ไฟไหม้บ้านหมดแล้ว นี่ไม่ได้กลิ่นเหรอยังเหม็นๆ อยู่เลยนะเนี่ย"