"เฮ้ย! มันจะเป็นไปได้ยังไง "
"ทำไมจะไม่ได้"
"ก็เขาทำร้ายหนูจัน คนรักกันต้องไม่ทำกันแบบนี้ รักก็ต้องทะนุถนอมสิ"
"ก็คนเรามันไม่เหมือนกัน วิธีแสดงความรักก็ไม่เหมือนกัน... จะเอาตัวเองไปวัดคนอื่นไม่ได้หรอก... แล้วอีกอย่าง นายเองก็ยังไม่เคยรักใคร..." ฮันเทจุนรู้สึกแย้งอยู่ในใจ
"คนไม่เคยมีความรักไม่มีวันเข้าใจเรื่องพวกนี้หรอก"
"แล้วนี่... ฉันจะกลับไปที่นั่นอีกได้ยังไงก็ไม่รู้สิ"
"เรียนทำอาหาร ทำที่ไหนก็ได้นี่ เขาเปิดสอนกันให้เยอะแยะ ไม่เห็นจำเป็นต้องไปเรียนที่บ้านนั้นเลยนี่นา"
"เป็นสิ... จำเป็นมากด้วย" ฮันเทจุนเครียดจริงจังจนชอยยองกีอึ้งไป
อเนชามาหาวราลีที่บ้านเขาแทบจะฉุดกระชากลากถูเธอไปคุยเพราะความหึงหวง
"คุณอเนชา!"
"ใช่ ฉันเอง หรือเธอหวังว่าจะเป็นคนอื่น"
วราลีลุกขึ้นเผชิญหน้า "ใช่ ฉันหวังว่าจะเป็นคนอื่น"
"เธอหมายถึงฮันเทจุนงั้นเหรอ"
"อย่างน้อย เขาก็ไม่หยาบคายเหมือนคุณ"
"ทำไม ชอบมันมากนักเหรอ ถึงได้พามันมาถึงที่นี่ เจอกันแค่ไม่กี่วันก็ใกล้ชิดกันได้ขนาดนั้น นี่น่ะเหรอหนูจัน"
"ฉันชื่อวราลี คนที่จะเรียกฉันว่าหนูจันได้ มีอยู่ไม่กี่คน แล้วคุณก็ไม่มีสิทธิ์"
"ทำไมจะไม่มีสิทธิ์" อเนชาดึงแขนวราลีแล้วบิด วราลีร้องด้วยความเจ็บ
"ฉันเจ็บนะ คุณกล้าดียังไงมาทำแบบนี้กับฉัน ปล่อยนะ!!"
"ไม่ปล่อย"
"ฉันบอกให้ปล่อย คุณเห็นฉันเป็นอะไร เห็นชีวิตฉันเป็นอะไร"
"ฉันก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าเธอเห็นฉันเป็นอะไร ถึงต้องทำท่ารังเกียจกันแบบนี้ เธอเกลียดฉันเพราะอะไร ฉันไปทำอะไรให้เธอ" วราลีหยุดมองหน้าอเนชานิ่ง น้ำตาเริ่มคลอ
"คุณอาจจะลืมไปแล้ว แต่ฉันไม่มีวันลืม!!" อเนชาสบตาเธอด้วยความไม่เข้าใจ
อเนชากลับมาบ้านด้วยสีหน้าขัดเคือง ปู่อนลถามเขาก็โกหกไปข้างๆ คูๆ จนถูกปู่ตำหนิว่าเขาเป็นคนไม่ซื่อสัตย์จนอเนชาต้องเผยความในใจออกมาว่าเขาไปเรียนเมืองนอกมาหลายปี เสียเวลาไปกับการคิดถึงคนอย่างวราลี
"จำที่ปู่เคยบอกแกได้ไหม เวลาเป็นเรื่องสำคัญ"
"ถ้าอย่างนั้นปู่ก็ไม่น่าทำให้ผมเสียเวลาไปถึงสามปี"
"แกคิดว่าแกเสียไปกับอะไร"
"ตลอดเวลาสามปี ไม่เคยมีวันไหนที่ผมไม่คิดถึงผู้หญิงคนนี้"
"ถ้าแกคิดว่าการคิดถึงคนที่เรารัก มันเป็นเรื่องเสียเวลาเปล่า... แกก็เข้าใจความหมายของเวลาผิดซะแล้วล่ะ ...แค่นี้ก็ท้อซะแล้ว... ถ้าเสียเวลาสามปีคิดถึงเขาได้ ทำไมจะเสียเวลาอีกสักหน่อยเพื่อพิสูจน์หัวใจเขาไม่ได้ล่ะ ฮึ"
"ปู่หมายความว่ายังไงครับ"
"ใช้เวลาหาคำตอบเอาเองก็แล้วกัน" ปู่อนลบอกยิ้มๆ แล้วเดินเข้าบ้านไป อเนชาครุ่นคิดยังไม่เข้าใจ
ชอยยองกีและฮันเทจุน ย้ายจากคอนโดฯ เข้ามาพักที่โรงแรมสายน้ำเจ้าพระยาของปู่อนล ชอยยองกีแปลกใจที่ฮันเทจุนยอมลามือจากอเนชาไปง่ายๆ ทั้งที่เขาไม่เคยยอมแพ้ใครแม้แต่พ่อของตัวเอง
ฮันเทจุนแย้งว่าเขาไม่ได้ยอมอเนชา แต่เขาไม่อยากมีเรื่องด้วยเท่านั้น เพราะอเนชาเป็นพี่ชายของอินทิรา ผู้หญิงที่เขาสนใจ แต่ฮันเทจุนไม่ได้เล่าเรื่องนี้ให้ชอยยองกีฟัง
"แล้วตกลงนายย้ายมาอยู่ที่นี่ทำไม อย่าบอกนะว่าจะมาเรียนทำอาหารที่นี่ต่อ"
"อาหารไทยก็อร่อยดี อย่างที่เขาว่ากันน่ะแหละ แต่สิ่งที่พาฉันมาที่นี่คือคน ไม่ใช่อาหาร" ชอยยองกีมองหน้าฮันเทจุนด้วยความไม่เข้าใจ
"คน" ชอยยองกีทำหน้าสงสัย แต่ฮันเทจุนยิ้มตาวาวเมื่อคิดถึงอินทิรา
อินทิราทั้งตกใจและแปลกใจเมื่อกานดามาบอกว่าฮันเทจุนจองห้องพักที่โรงแรมเธอเป็นเวลานานถึง 1 ปีเต็ม อินทิราจึงรีบไปปรึกษาพี่ชายทันที
"นายเทจุนเขาคิดจะทำอะไรของเขาคะพี่ชา อินคิดว่าเขาจะไม่กล้าโผล่หน้ามาแถวนี้ซะอีก"
"ไม่ได้โผล่มาเฉยๆ นะ โผล่มาแบบฉลาดอีกต่างหาก มาในฐานะแขกของโรงแรมที่เราไม่มีสิทธิ์แตะต้อง นอกจากให้บริการที่ดีที่สุด ร้ายไม่เบานะนายนี่"
"แล้วเขามาทำไมล่ะคะ จะว่ามาพักเฉยๆ ก็ดูมีเงื่อนงำชอบกล"
"ก็คงอยากจะเข้ามาให้ใกล้ที่สุดล่ะมั้ง"
"ใกล้ใครคะ"
"จะใครล่ะ ก็แม่เพื่อนตัวดีของเธอน่ะแหละ ไปหว่านเสน่ห์ใส่เขาไว้มากล่ะสิท่า ถึงได้จะอยู่ยาวเป็นปี ประเทศชาติมีไม่ยอมกลับ"
"ใช่เหรอพี่ชา เขาจะกลับมาทำงานในครัวกับหนูจันทำไม ในเมื่อหนูจันก็ไม่อยู่ที่นี่แล้วสักหน่อย"
"แต่อย่าลืมสิว่าโรงแรมนี้เป็นที่ที่ใกล้บ้านหนูจันที่สุดที่เขาจะมาพักได้" อเนชาบอกอย่างหึงหวง
"แล้วอีกอย่างเธอก็เป็นเพื่อนสนิทของหนูจัน แล้วเธอก็ทำงานที่นี่ เธอจะเป็นสะพานที่พาเขาไปส่งให้หนูจันได้ยังไงล่ะ"
"พี่ชาคิดอย่างนั้นเหรอคะ"
"หรือเธอคิดว่ามันจะกลับมารอท่าอยู่เป็นปีเพื่อชกกับพี่งั้นเหรอ"
"คงไม่มั้งคะ"
อเนชาพยายามคุมความโกรธไว้ "ไม่เชื่อคอยดูสิฮันเทจุนมันหาทางเข้าหาเธอจนได้แหละ"
"อินไม่กลัวหรอกค่ะ คนอย่างอิน ถ้าอยากรู้อะไรไม่รอให้ใครเข้ามาหาก่อน" อินทิราพูดจบก็เดินออกไปทันที
อินทิรานำอาหารพิเศษมาบริการฮันเทจุนจนถึงที่ห้องพัก ชอยยองกีได้เจออินทิราครั้งแรกก็ทำให้เขาอึ้งไปเช่นกัน และเพิ่งรู้ว่าทำไมฮันเทจุน จึงอยากมาพักที่โรงแรมแห่งนี้
ฮันเทจุนรู้สึกตื่นเต้นที่อินทิรามาที่ห้องจึงรีบออกมาต้องรับ อินทิราหยิบช่อดอกไม้เล็กๆ ส่งให้
"ยินดีต้อนรับสู่สายน้ำเจ้าพระยาค่ะ" ชอยยองกียืนจ้องสองคนตาแข็ง
"ช่วยไปจัดเสื้อผ้าต่อให้หน่อยสิ" ฮันเทจุนหันไปบอกชอยยองกี
ชอยยองกีมองหน้าฮันเทจุนงงๆ ก่อนจะเดินกลับไปเข้าห้องนอนไป อินทิราหยิบนามบัตรออกมาจากกระเป๋าเสื้อ ส่งให้ฮันเทจุน
"นามบัตรของดิฉันค่ะ เรียกดิฉันว่าอินทุภา น่าจะเหมาะสมกว่า"
"อินทุภา"
"ชื่อของฉันเองค่ะ"
"ถึงว่าสิ ในดิกชั่นนารีไม่เห็นมีคำว่าอินทิรา" อินทิราคิ้วขมวดทันที
"นี่คุณหาความหมายชื่อฉันด้วยเหรอ" ฮันเทจุนหลุดปากไปก็ตกใจ
"คุณอยากจะรู้ไปทำไมไม่ทราบคะ"
"ก็ภาษาไทยผมยังไม่ค่อยดีน่ะครับ ก็เลยอยากเรียนรู้ให้มากขึ้น" ฮันเทจุนแก้ตัวไปน้ำขุ่นๆ
"ได้ข่าวว่าคุณจะมาอยู่นานซะด้วยสิ ไม่ทราบว่าชอบเมืองไทยหรือว่าสนใจอะไรเป็นพิเศษรึเปล่าคะ"
"ครับ"
"แล้วอะไรล่ะคะ ที่คุณสนใจ"
ฮันเทจุนไม่ตอบ แต่มองอินทิรานิ่ง