"ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับหนูอิน ผมจะไม่มีวันหยุดตามล่ามันเด็ดขาด ต่อให้มันยิ่งใหญ่แค่ไหน ผมจะเอาตัวมันมาให้ได้"
"คุณพูดเหมือนเทจุนเป็นคนร้าย"
"ก็แล้วคนดีที่ไหนเขาทำกันแบบนี้" อเนชามองหน้าชอยยองกี
"คุณอาจจะคิดว่าเขาดีเพราะเขาเป็นเพื่อนคุณ"
"ไม่ใช่... แล้ววันหนึ่งคุณจะเข้าใจ โดยที่คุณไม่จำเป็นต้องเป็นเพื่อนกับเขา" อเนชานิ่วหน้าด้วยความรู้สึกแปลกใจในคำพูดของชอยยองกีที่มีต่อฮันเทจุน
ฮันเทจุนพาอินทิราไปเที่ยวละแวกบ้านของเขาและพาเธอขึ้นไปไหว้พระ...อินทิราเสี่ยงเซียมซีได้เบอร์ 9 แต่ยังไม่ทันอ่าน ใบเสี่ยงก็หายปลิวไปตกตรงหน้าฮันเทจุนเขาหยิบขึ้นมาดู อินทิรารีบวิ่งเข้ามาดึงไป
"ของฉัน"
"ผมคิดว่าคุณหายไปไหนซะอีก ตามหาจนทั่วเลย"
"ใครใช้ให้ตามล่ะ" อินทิราสะบัดหน้าพรืดเดินหนีไป
"ไม่มีใครใช้"
"นี่คุณ เมื่อกี้เขาเรียกว่าประชด"
"อ้าวเหรอ ผมก็คิดว่าคุณถามจริงๆ ซะอีก" อินทิราส่งกระดาษในมือให้ฮันเทจุนช่วยแปลให้ฟัง ฮันเทจุนค่อยๆ แปล
"ฤดูกาลแม้ยาวนาน แต่ผันเปลี่ยน หิมะอาจเหน็บหนาว หากละลายได้ แม้กลางฤดูกาล" อินทิราทำหน้างง
"ไม่เห็นจะเข้าใจเลย" ฮันเทจุนเองก็ทำหน้างงๆ
"หรือว่า ปีนี้ฤดูหนาวจะสั้น อืมม์ เป็นไปได้มั้ย" ฮันเทจุนยิ้มๆ พยักหน้ารับ เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า เห็นหิมะค่อยๆ โปรยลงมา
"หิมะตกอีกแล้ว สงสัยคำทำนายจะไม่จริงแล้วล่ะมั้ง"
ทั้งสองคนยืนอยู่ท่ามกลางหิมะโปรยปราย
ฮันจินซบไม่พอใจที่รู้ว่าชอยยองกีกลับมาเกาหลี ทั้งที่ให้ไปดูงานที่เมืองไทย แถมมามารินก็ยังตามไปถึงที่นั่น แต่กลับมาเกาหลีแล้ว เขาก็ไม่เห็นหน้าคนทั้งสอง จนกระทั้งหลายวันจึงได้เจอ ฮันจินซบจึงเรียกชอยยองกีไปพบด้วยท่าทีไม่พอใจ
"ฉันจำไม่ได้แล้วว่าเธอสองคนเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ นั้นก็แปลว่ามันคงนานมากแล้ว เสียดายที่มันไม่นานพอที่จะทำให้คนบางคนสำนึกในบุญคุณของฉันได้" ชอยยองกีพยายามข่มอารมณ์
"ถ้าคุณลุงจะด่าใคร ก็ด่าหนูเถอะค่ะ หนูเป็นคนเริ่มเอง ไม่ใช่พี่เทจุน แล้วก็ไม่ใช่ยองกี" มามารินออกรับแทน ฮันจินซบมองหน้ามามารินนิ่ง
"คุณลุงครับ ไม่สำคัญว่าใครจะผิดหรือจะถูก ทุกคนย่อมมีเหตุผลเป็นของตัวเอง แต่เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น ผมขอเป็นคนรับผิดชอบเพียงคนเดียว"
"ไม่ได้นะ" ทั้งสองแย่งกันรับผิดชอบ
"เธอคิดว่าเธอจะรับผิดชอบทั้งหมดอย่างนั้นเหรอ"
"ครับ"
"ไม่อวดเก่งไปหน่อยเหรอยองกี หรือเธอเห็นว่าเทจุนไม่มีความกล้าพอที่ออกมารับผิดชอบด้วยตัวเอง เธอกำลังดูถูกลูกชายฉันอย่างนั้นเหรอ"
"ผมไม่กล้าคิดแบบนั้น หรอกครับ"
"แต่เธอกำลังทำแบบนั้น เธอกำลังปกป้องมันเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา ตั้งแต่เด็กจนโตไม่เคยเปลี่ยน"
"ผมทำไปเพราะสำนึกในบุญคุณที่ท่านมีต่อผม"
"จะต้องให้บอกอีกกี่ครั้ง ว่าฉันไม่ได้สร้างเธอให้แกร่งเพื่อมาปกป้องลูกชายฉัน"
"ผมทราบดีครับว่าผมเป็นใคร ฮันเทจุนเป็นใคร"
"งั้นเธอก็น่าจะรู้ว่าต่อไปนี้ เธอควรจะทำตัวยังไง เพื่อทดแทนสิ่งที่ฉันมอบให้กับเธอ" ชอยยองกีก้มหน้านิ่ง
"ไปพาตัวมันมาหาฉัน ไม่ว่ามันจะอยู่ที่ไหน ไปเอาตัวมันกลับมา" ชอยยองกีก้มหัวรับอย่างจำยอม มามารินทำท่าจะตามชอยยองกีไป
"ฉันยังมีเรื่องต้องคุยกับเธอ" มามารินถูกรั้งตัวไว้
"เล่าเรื่องทั้งหมดให้ฉันฟังซิ ฉันหมายถึงเรื่องทั้งหมด" มามารินสีหน้าเครียด
อินทิรายังคงพักอยู่ที่บ้านแม่นมของฮันเทจุน ชายหนุ่มเล่าเรื่องจีแฉวูและมามารินที่เป็นแม่เลี้ยงและน้องสาวเขาให้อินทิราฟัง เธอฟังแล้วสลดใจไปเหมือนกัน เมื่อรู้ว่าจีแฉวูเป็นเพื่อนรักของแม่ฮันเทจุน
"น้องสาวงั้นเหรอ"
"แต่เขาบอกว่า..."
"เขาจะบอกอะไรไม่สำคัญเท่ากับสิ่งที่ผมกำลังจะบอกคุณ" อินทิราใจเริ่มเต้นแรง
"ผมเคยบอกคุณรึยัง ผมคิดถึงคุณทุกวัน... ตั้งแต่วันแรกที่ผมเจอคุณ" อินทิรามองหน้าฮันเทจุนอึ้งๆ หันหน้าหนีด้วยความอาย
"แล้วฉันเคยบอกคุณรึยังว่าฉันก็รู้สึกแบบเดียวกับคุณ"
ฮันเทจุนรู้สึกเหมือนดอกไม้บานในใจ ยิ้มออกมาด้วยความสุข อินทิราค่อยๆหันกลับมามองหน้าและยิ้มให้ ฮันเทจุนจึงเอื้อมมือไปจับมืออินทิราเอาไว้
ฮันจินซบได้คุยกับมามารินแล้ว ทำให้เขาไม่ค่อยสบายใจนัก จึงต่อว่าจีแฉวูว่าเลี้ยงลูกไม่เอาไหน
"เลี้ยงลูกยังไง ถึงได้เป็นแบบนี้"
"มามารินเป็นคนดื้อไม่ฟังใคร"
"ฉันรู้แล้ว ฉันมองหน้าเด็กคนนั้นฉันก็รู้แล้ว ทั้งๆ ที่ทำผิดมาแต่มันไม่หลบตาฉันเลยแม้แต่นิดเดียว เธอน่าจะได้เห็นสายตาของมันที่จ้องหน้าฉัน"
"ฉันทราบดีค่ะ ฉันก็เห็นอยู่ทุกวัน" จีแฉวูสบตากับฮันจิบซบ
"คุณก็น่าจะรู้ว่ามามารินได้สายตานั้นมาจากใคร" ฮันจินซบชะงักไปนิดหนึ่ง
"ถ้าคุณไม่ต้องการอะไร ฉันก็ขอตัว" จีแฉวูเดินออกไป ฮันจินซบหน้าเครียด แต่มีแววสลดบางอย่างซ่อนอยู่
อเนชายังคงพักอยู่ที่บ้านพักสกีบนเขา วราลีเก็บข้าวของจะลงเขา แต่อเนชาอ้อนว่ายังไม่แข็งแรง แขนยังเจ็บอยู่ แต่วราลีจะต้องไปแข่งอาหารที่โซลจึงไม่สนใจ อเนชาจึงต้องจำใจตามวราลีกลับลงเขามาด้วย
ฮันเทจุนกับอินทิราก็เดินทางกลับมาโซลเช่นกันพอทั้งสองฝ่ายกลับมาเจอกันที่โรงแรม อเนชาก็ตั้งป้องเล่นงานฮันเทจุนทันทีทำเอาอินทิราเป็นห่วง
"อย่ากังวลไปเลยน่า แขนเจ็บอยู่อย่างนั้นจะไปทำอะไรใครได้"
"วราลีพูดแบบนี้เพราะยังไม่รู้ฤทธิ์เดชพี่ชาน่ะสิ ปากพี่ชาร้ายยังกับอะไรดี"
"ทำไมฉันจะไม่รู้ ฉันน่ะรู้ดีเลยแหละ" อินทิราสะดุ้งใจในคำพูดวราลี เห็นวราลีหงอยๆ ไป
"ทำไมพูดแบบนี้ล่ะ นี้พี่ชาว่าอะไรวราลีงั้นเหรอ... โธ่เอ๊ย รู้งี้ฉันไม่น่าปล่อยให้วราลีอยู่กับพี่ชาสองต่อสองเลย เขาว่าอะไรบ้าง เดี๋ยวฉันจะไปจัดการเอง"
"ไม่ต้องหรอก ฉันลืมไปหมดแล้วล่ะ"
"แค่ไม่กี่วันเองเนี่ยนะ จะลืมได้ยังไง?"
วราลีไม่ตอบ อินทิราสงสัย