Fantastic 4 Futuristic
29 พฤศจิกายน 2553 เปิดอ่าน 29,563 ครั้ง


สาวน้อยเสียงใสมากเสน่ห์ กับการแต่งกายนำเทรนด์ที่ชินตา แฟชั่นไอคอนของสาวรุ่นแห่งทศวรรษ เธอปรับเปลี่ยนคาแรคเตอร์แบบว่าเปรี้ยวได้ใจหวานได้อีก หรือจะลุคหนักแน่นแกมพังค์ร็อค ครานี้มาถามตอบเจาะใจแบบเป็นกันเอง 'โฟร์-ศกลรัตน์ วรอุไร' ตัวแทนความสดใสที่สัมผัสได้จริง



ผลงานก่อนที่จะมาเป็นนักร้อง?
เริ่มต้นงานชิ้นแรกคือการเป็นนางแบบโฆษณาให้กับสินค้าเกี่ยวกับระบบมือถือเมื่อประมาณ 6 ปีที่แล้ว จากนั้นก็มีงานแสดงละครเรื่อง น้องใหม่ร้ายบริสุทธิ์ หลังจากนั้นก็มีผลงานแสดงเอ็มวีเพลงเพื่อนสนิท มาเป็นเด็กในสังกัดของ RS ด้วยความที่ตัวเราเองชอบงานในด้านการแสดงมากกว่า จึงเลือกที่จะไปเรียนด้านการแสดงเพิ่มอยู่เกือบปี และในช่วงระหว่างนั้นก็ได้รับการทาบทามให้ไปเรียนร้องเพลง ระหว่างรองานการแสดงคัดตัวนักแสดง ในครั้งแรกที่ได้รับการติดต่อให้เราไปเรียนร้องเพลงก็รู้สึกตกใจเพราะไม่ใช่สิ่งที่เราถนัด ไม่ใช่อะไรที่เราเองฝันไว้เลย คิดว่าตัวเองไม่ค่อยชอบการร้องเพลงเท่าไหร่ และตัวเองก็ไม่เคยเรียนพื้นฐานด้านการร้องเพลงมาก่อนคิดว่าเราจะทำได้จริงเหรอ แต่สุดท้ายก็เข้าไปเรียนการร้องเพลงจริงจัง ปรากฎว่าเราก็สามารถร้องเพลงได้

แล้วมาเป็นนักร้องได้อย่างไร?
เรียกได้ว่าเป็นอะไรที่อธิบายได้ค่อนข้างยาก คือหลังจากที่เราเรียนร้องเพลงได้ประมาณเกือบปี ช่วงนั้นทางบริษัทก็มีโปรเจ็กต์อยากจะหานักร้องหน้าใหม่สไตล์แนวเพลง และคอนเซ็ปต์แบบวัยรุ่นใสๆ ก็เลยมาถ่ายทำเหมือนวีดีโอพรีเซิร์จในคลาสขณะที่มีการเรียนการสอนพอดี แล้วทางพี่ทีมงานก็มาถ่ายภาพตอนที่เราร้องเพลงเก็บไว้เราก็ร้องไปแบบไม่ได้คิดว่ามันจะทำให้เราได้มาออกอัลบั้มเป็นนักร้องอย่างในทุกวันนี้ หลังจากที่พี่ทีมงานเอาเทปไปดู ปรากฎว่าถ่ายช่วงที่เรากำลังร้องเพลงอยู่ แล้วก็มีบางส่วนไปถ่ายช่วงที่มดเรียนร้องเพลงอยู่ด้วยมาพอดี ซึ่งขณะนั้นมดยังไม่ได้เป็นเด็กในสังกัดเหมือนเรา แล้วก็เกิดไอเดียอยากที่จะทำศิลปินดูโอแบบผู้หญิงพอดี ทีมงานก็มาถามว่าเราชอบหรืออยากร้องเพลงประมาณแนวไหน ชอบแบบศิลปินคนใดบ้างหรือเปล่า ตัวเองชอบไทร์อัมพ์ คิงดอม กับ โดโจ ซิตี้ ดูโอที่ดังมากในสมัยก่อนสไตล์เพลงสนุกสนาน ส่วนมดจะชอบแนวเพลงผู้หญิง ช้าๆ เพราะๆ แบบโน้ต-ตูน (ชอบศิลปินแบบคู่เหมือนกัน) เลยสรุปมาลงตัวที่การทำเพลงแบบคู่ดูโอในที่สุด เราจะชอบสไตล์สดใสจังหวะเร็วๆ เต้นได้ ส่วนมดจะชอบแนวช้าๆ เศร้าๆ เหงาๆ ตัวเราเองไม่มีพื้นฐานด้านการเต้นมาก่อนเลย ต่างกับมดที่เรียนเต้นแจ๊ซ เรียนบัลเล่ย์ เรียนรำไทยมาตั้งแต่เด็ก



เคยคาดหวังว่าจะดัง และได้รับการต้อนรับขนาดนี้หรือไม่?
แรกๆ ก็ตกใจนะ การตอบรับดีมาก เพราะเป็นศิลปินดูโอหญิงคู่แรกหลังจากที่กระแสเริ่มหายไป 4-5 ปีแล้ว ปรากฎว่ามีคนพูดถึงเยอะมาก จนงงๆ ปรับตัวไม่ทัน ครั้งแรกที่ได้ฟังเพลงที่เป็นเสียงของตัวเองออกทางวิทยุ ทางโทรทัศน์ รู้สึกดีใจมากบวกกับรู้สึกอายๆ เขินๆ นิดหน่อย แต่ไม่ได้รอตามนะ จำได้ว่าช่วงนั้นเปิดรอ หมุนหาคลื่นวิทยุทุกคลื่นเลยว่ามีเพลงโฟร์-มด เปิดอยู่หรือเปล่า ไม่ได้คิดนะว่ามันจะดังมากขนาดนี้ มีแต่คนถามถึง คนเข้ามาชม ตามเราทั้งที่บ้าน ทั้งงานโชว์ตัวต่างๆ มีการนำเพลงเราไปใช้ประกอบโฆษณาอีกด้วย ชุดแรกคือชุดเพลงหายใจเป็นเธอ ดนตรีแบบใสใส น่ารักๆ การแต่งตัวเป็นชุดเดรสออกแนวหวานๆ

ผลงานอื่นต่อๆ มา?
ประมาณหลังจากชุึดแรก 7-8 เดือน ก็ได้ทำอัลบั้มชุดที่ 2 Love Love แนวเพลงสไตล์เดิม เสื้อผ้ามีสีสันขึ้น แต่เน้นการเต้น ท่าทางสดใส สนุกมากขึ้นกว่าเดิม ทีมงานเดิมกับทางค่าย ไอดี เรคคอร์ด จากนั้นพอถึงอัลบั้มที่ 3 ก็ได้ยายมาอยู่กับค่ายเมโลดิก้า ทีมงานเปลี่ยนใหม่หมดเลย แต่ทีมงานแต่งเพลงยังคงเป็นทีมเดิม แนว และสไตล์ของอัลบั้มต่อมาเปลี่ยนเป็นแนวที่แรงเลย กับอัลบั้มใหม่ เพลงเด็กมีปัญหา เน้นคอนเซ็ปต์การแต่งตัวสีสันจัดจ้าน หยิบถุงเท้าบอลสีสดมาใส่กับเอี๊ยมเสื้อกล้าม กางเกงขาสั้น รองเท้าส้นสูงมาก แฟชั่นจัดๆ ทาปากสีแดง มดทาสีส้ม เราก็กลัวว่ามันจะดูแรงมากไป มีการถ่ายทำเอ็มวีเพลงนี้ที่ญี่ปุ่น 5 วัน กลางอากาศหนาวอุณหภูมิติดลบ แต่เรา 2 คนแต่งตัวแบบสั้นกุด ยืนเต้นกัน 2 คน ท่ามกลางอุณหภูมิ -15 องศา เรียกว่าสั่นแต่สั่นสู้ กระแสตอบรับกลับมาก็แรงมากตามไปด้วย ด้วยความที่เป็นแฟชั่นจัด มีทั้งคนที่ชอบ และทั้งรับไม่ได้ เปรียบเป็นไอดอลของวัยรุ่นที่แต่งตัวจัดๆ ในสมัยนั้นเลยก็ว่าได้ มันก็ดังจริง ดังด้วยที่คนต่อว่าก็มี ชุดนี้แต่งตัวแบบแฟชั่นมากไป เพราะบางคนยังจำภาพเราในแบบอัลบั้ม 1 และ 2 บางคนยังเปิดใจรับเราในสไตล์แบบนี้ไม่ได้ ก็มีจากที่เป็นเด็กใสๆ กลายมาเป็นเปรี้ยวมากเลยในทันทีแต่ก็ยังโชคดีที่มีกลุ่มแฟนคลับที่โน่นคอยเชียร์ และให้กำลังใจ

แล้วโดนกระแสแบบนี้ รู้สึกท้อบ้างหรือไม่?
มันกลับมาทำให้เราได้คิดว่า ที่แท้จริงแล้ว กับลุคในอัลบั้มที่ 1 และ 2 ที่แต่งตัวแนวหวานๆ สีชมพูนี่ก็ไม่ใช่แนวเราสักเท่าไหร่ เราไม่ได้ชอบใส่กระโปรงเดรสสีหวานแต่เราชอบเอี๊ยม กางเกงขาสั้น มากกว่านะ หลังจากนั้นอัลบั้มต่อมาก็เป็น โฟร์ มด อินวันเดอร์แลนด์ แนวแฟนตาซี เพลงละลาย แนวร่าเริง สไตล์เสื้อผ้าเป็นแนวอลิซอินวันเดอร์แลนด์ ปรับให้กลับมาเป็นแนวใสๆ น่ารักๆ เหมือนเคย ได้ลองตัดผมสั้นถือเป็นการเปลี่ยนลุคให้กับตัวเอง กระแสตอบรับดี ตัวเราดูเด็กลง ไม่จำเจกับสไตล์เดิมๆ เริ่มมีการคิดโครงการรวมกลุ่มกันในนาม Kamikaze ของค่าย Kamikaze เราก็เลยย้ายไปนำทีมน้องๆ ศิลปินใหม่อีก 5 วง ทั้งหมดประมาณ 22 คน จากที่เคยได้รวมตัวกันร้องเพลงขัดใจ ช่วงหลังอัลบั้มที่ 3 ออกซิงเกิ้ลเพลงช้า รักฉันเรียกว่าเธอ โดยค่าย Kamikaze เป็นทีมงานเก่าของค่ายเมโลดิก้า เดิมที่แยกตัวออกไป



มีปัญหาเรื่องการร่วมงานกับรุ่นน้องบ้างไหม?
กลัวว่าเพราะคนเยอะแล้วมันจะทำให้ทำงานยาก ตอนแรกที่รู้ว่าต้องทำงานร่วมกันกับเด็กรุ่นน้องอายุ 13-16 ปี ก็เครียดเลย เพราะว่าตัวเราเคยผ่านจุดนั้นมาก่อน ตอนที่ได้ร่วมงานกันกับมดในอัลบั้มแรก ก็อายุประมาณ 13-14 ปีเอง กลัวว่าน้องๆ จะงอแงทำไม่ได้ เต้นไม่ไหว ความตั้งใจ การฝึกซ้อมจะมีน้อย อย่าทำอย่างนี้เชียวนะ เราคงรับไม่ได้แน่นอน แต่กลับไม่ใช่เลย น้องๆ มั่นใจ มีความมุ่งมั่นอยากเป็นนักร้อง ขยันตั้งใจทำงานมาก ทุ่มเทเต็มที่ ไม่ว่าจะต้องซ้อมร้อง ซ้อมเต้นกี่รอบก็ตาม เราก็เริ่มรู้สึกว่า เออ! เราคงคิดกังวลมากเกินไปเอง เราก็เริ่มรู้สึกว่าทำงานกับคนจำนวนมากก็สนุกดีไปอีกแบบ

อัลบั้มพิเศษโฟร์-มด โกโก เป็นการร้องเพลงเก่าที่เคยฮิตในอดีต เช่น เพลงดูไหม ของลิฟท์กับออย นำกลับมาร้อง Cover ในสไตล์แบบฟังสบายๆ แนว Easy Listening บรรยากาศแบบฟังได้ตามริมทะเลเพลงคุ้นหู ส่วนอัลบั้มที่ 5 'We Will Love U' เปลี่ยนมาเป็นแนวพังค์ร็อคเลย แต่งหน้าแต่งตาดำแต่งเข้มๆ เต็มๆ หนักๆ ชุดเป็นหมุดตอก คนฟังบางส่วนอาจจะงงว่าจะมาเป็นร็อคทำไม เขาคงชอบเราในแบบเดิมมากกว่า แต่คงจะไม่เข้ากันกับแนวเรา กระตอบรับอยากให้เปลี่ยนกลับไปเป็นแบบเดิม แต่โดยส่วนตัวก็ชอบค่ะ

ระหว่างกันร้องเพลงกับการเล่นละครชอบอะไรมากกว่ากัน?
กับงานละคร เศรษฐีข้างเขียง ก็รู้สึกดีใจที่ได้กลับมาเล่นละครอีกครั้ง หลังจากห่างหายมาสักระยะจากเรื่องแรก น้องใหม่ร้ายบริสุทธิ๋, รักบานฉ่ำ, หิมะใต้พระจันทร์, ครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน, ซิทคอม เพื่อนแซบ สี่xสี่ ใจจริงเราเองตั้งใจอยากที่จะเป็นนักแสดงตั้งแต่แรกแล้ว แต่เมื่อมีโอกาสมาเราก็คว้าเอาไว้ ถ้าถามว่าชอบอะไรมากกว่ากันคงตอบได้ว่าทั้งสองมันคล้ายกัน อย่างที่เราต้องเล่นเอ็มวี เราต้องแอคติ้ง สื่ออารมณ์ทางสายตา ผ่านน้ำเสียงให้ได้ฟีดแบ็คทางอารมณ์กลับมา และตัวเองก็มีโอกาสได้ร้องเพลงประกอบในละครด้วย เรียกได้ว่าเรารักงานทั้งสองอย่างเท่าๆ กัน เพราะทั้งสองมีความเกี่ยวโยงซึ่งกัน และกัน

กับข่าวที่ว่าจะเลิกร้องเพลง และหันมาจับงานแสดงอย่างเต็มตัว?
ไม่จริงเลยค่ะ อาจจะจริงที่เราฝัน และชอบในด้านการแสดง แต่การร้องเพลงเป็นอาชีพที่เรารัก และชอบเหมือนกันคงจะทำงานเป็นทั้งนักร้อง และนักแสดงควบคู่กันไปอย่างนี้

ความเห็นเรื่องการทำศัลยกรรมของคนในวงการบันเทิง?
ไม่ได้แอนตี้ค่ะ มันเป็นสิทธิส่วนบุคคลที่ใครก็อยากสวยอยากหล่อ ถ้าหากทำ และมั่นใจว่าจะทำให้คุณดูดีขึ้น มีความมั่นใจมากขึ้น ก็ถือเป็นความรับผิดชอบของตัวคุณเอง กลัวเจ็บเหมือนกันนะถ้าต้องทำ เคยอยากลองไปทำตาสองชั้นบ้างเหมือนกัน แต่คนรอบข้างก็คอยมาบอกถึงผลลัพธ์อะไรต่างๆ ทำให้สุดท้ายแล้วก็ใช้วิธีการทางธรรมชาติแทนอยู่ ยังคงแปะพลาสเตอร์ทุกคืนเหมือนเดิม

คิดว่าตัวเราได้ และเสียอะไรไปบ้างกับการเข้ามาในวงการบันเทิง?
ได้เยอะมากเลยค่ะ ได้รายได้ ได้เพื่อน ได้สังคม ได้เรียนรู้ถึงชีวิตของคนที่ทำงาน ว่ามันสนุกแค่ไหน เคยกลับมานั่งคิดเหมือนกันว่าถ้าเราไม่ได้มาเป็นนักร้อง ตอนนี้เราจะทำอะไรอยู่ จะทำอาชีพอะไรดี ไม่รู้ว่าเสียความเป็นส่วนตัวไปมาก คิดว่ามันก็เป็นการแลกกันมากกว่า ไม่รู้สึกว่าตัวเราต้องตัวติดอยู่กับเพื่อนตลอดเวลา การเรียนอาจจะช้าหน่อยค่อยๆ เก็บไป แต่ว่าไม่ได้ทิ้งการเรียน ทางบ้านไม่ได้ซีเรียสเท่าไหร่ เขาเข้าใจเวลาส่วนตัวที่หายไปจากการนอนเล่นที่บ้านหรือไปเดินช้อปปิ้่ง ก็เปลี่ยนเป็นการออกไปทำงาน ไปเที่ยวต่างจังหวัดแทนได้ มีความสุขกับชีวิตในตอนนี้ มีความสุขมาก



เคยมีคนเปรียบเทียบตัวเรากับมดบ้างไหม?
แรกๆ มีค่ะ เพราะว่ามดเรียนเต้นมาก่อนตั้งแต่เด็ก มีพื้นฐานการร้องเพลงมาก่อนในใจจะค้านกับคนที่พูดตลอดเวลา แต่ไม่จำเป็นต้องไปอธิบายกับใครๆ แต่ก็รับฟังแล้วก็พยายามมากขึ้นกว่าเดิมมากกว่า

ฝากบอกอะไรถึงคู่หูคนนี้บ้าง?
มดกับโฟร์ห่างกัน 5 ปี ผ่านอะไรมาด้วยกันมาหลายอย่าง ตั้งแต่เด็กที่เป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ตัวเขาก็มีพัฒนาการที่ดีขึ้น โตขึ้นเรื่อยๆ ไม่เคยหยุดท้อต่ออุปสรรคต่างๆ พยายามทำตัวให้ดีขึ้นเรื่อยๆ เรียนรู้วิธีการทำงานว่าสิ่งนี้ดีก็จะทำตาม เป็นคนที่ชอบเรียนรู้ และขยันแสวงหาทำการบ้านตลอดเวลา มาตรงเวลาตลอด พวกเราฝ่าฟันมาด้วยกันตลอด เคยงอนเคยทะเลาะกันบ้าง แต่ส่วนใหญ่เป็นเรื่องของการทำงานที่เห็นไม่ตรงกัน สีเสื้อแต่งตัวไม่เข้ากัน เป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ มากกว่า ยืนยันว่าเราคงจะเป็คู่ดูโอกันไปตลอด เพราะตัวเราแฮปปี้กับการทำงานที่มีเพื่อน

เคยคิดที่จะย้ายค่ายบ้างไหม?
ทางค่ายเขาดูแลเราดี เหมือนกับเป็นครอบครัวเดียวกัน เราอยู่แล้วแฮปปี้ ไม่รู้ว่าที่อื่นเขาจะดูแลเราดีอย่างที่นี้หรือเปล่า เพิ่งสัญญาต่อไปอีก 3 ปี ยังไม่มีความคิดที่จะย้ายไปไหนค่ะ

แล้วเรื่องของคลิปแอบถ่ายเราผ่านเรื่องนี้มาได้อย่างไร?
เสียใจกับเรื่องนี้มาก คนที่อยู่รอบข้างเขาจะไม่พูดอะไรถึงเรื่องนี้แล้ว กำลังใจจากคนรอบข้างค่ะที่คอยให้กำลังใจ กำลังใจสำคัญมาก การคอยช่วยอยู่ข้างๆ และการเงียบไม่พูดอะไเลย เป็นการให้กำลังใจที่ดีที่สุด แสดงว่ามันไม่มีอะไรเลย เหมือนว่าไม่มีอะไรน่าสนใจ ปล่อยให้มันจบไปเองนั่นแหละค่ะ รู้สึกขอบคุณกับทุกกำลังใจที่มีให้มากๆ ที่ทำให้ผ่านช่วงที่แย่ๆ มาได้ โดยเฉพาะกำลังใจจากครอบครัว

อัพเดตผลงานที่ทำตอนนี้?
ปัจจุบันกำลังทำอัลบั้มเต็มชุดที่ 6 อยู่ จะออกแนวสปอร์ต ชุด Hello โฟร์-มด กับซิงเกิ้ลแรก เพลง Love Villa จะแต่งในแนวลีดเดอร์แบบปอมปอมเชียร์ ออกแนวสาวน่ารักที่โตเพิ่มขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง แต่ว่าบางคนก็วิจารณ์เรื่องฟังเพลง ว่าฟังไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไหร่ สำเนียงการร้องจะเป็นเสียงออกเหน่อๆ แต่งซาวด์ให้มีสำเนียงแบบเราเอง อาจต้องฟังซ้ำหลายรอบหน่อยแต่ก็ทำให้เพลงนี้ติดหูได้ไม่รู้ตัว กำลังเร่งถ่ายทำเอ็มวีซิงเกิ้ลต่อไปอยู่ อัลบั้มเต็มคงเสร็จสมบูรณ์ประมาณช่วงสิ้นปี อย่าลืมคอยติดตามฟังกันด้วยค่ะ


Crush

นิตยสาร

Four Mod stick together Student Weekly
Friendship Never Ends โฟร์-มด, เนย-แจม COSMOPOLITAN
starperiod : Four Lovable Star SPICY
"โฟร์" ปลื้ม "เปล่า...เจ้าชู้" ติดหูคนฟัง SPICY
เม้าท์กระจายยย...อะไรคือที่สุดของ "โฟร์ ศกลรัตน์" Candy
คนพิเศษของโฟร์ ศกลรัตน์ วรอุไร ขวัญเรือน
Four's Bag! Oops!
in style a day Four-Sakolrat in Magazine
จุ๊ๆ Four-Mod มีความลับมาบอกล่ะ ^^ Sweety
โฟร์-มด สวยปิ๊ง บอกความนัย "จีบได้แฟนไม่รัก" Love Love
ดูทั้งหมด




Blackcatify
Yes it shirt
Red Army Fanclub