
ปี 2549 ปีที่ประเทศไทยกำลังคุกรุ่นด้วยความแตกแยกทางการเมือง รอยยิ้มของ โฟร์-ศกลรัตน์ วรอุไร และ มด-ชุติมณฑน์ ชัยรัตน์ ที่ดูจะเหน็ดเหนื่อยจากการทำงานในบ่ายวันนี้คลับคล้ายจะสว่างกว่าไฟการขัดแย้งใดๆ ในวัยที่ผ่านการใช้นางสาวนำชื่อจริงเพียงไม่กี่ปีของเด็กสาวคนพี่ และวัยที่เพิ่งเปลี่ยนจากด.ญ.มาเป็นนางสาวได้ไม่กี่วันของสาวน้อยคนน้อง ความสำเร็จจากงานเพลงชุดแรกของพวกเธอกลายเป็นชื่อเสียงที่ทำให้เด็กสาวทั้งคู่กลายเป็นศิลปินที่ผู้คนรักใคร่กลุ่มหนึ่ง ด้วยความน่ารัก ดูเป็นธรรมชาติ หากแต่เมื่อความสำเร็จคือสิ่งที่ธรรมชาติกำหนดให้มนุษย์ที่จะได้ครอบครอง ต้องแลกสิ่งที่ทั้งคู่ยอมแลก จึงทำให้พวกเธอได้เรียนรู้ถึงความอดทนมากกว่าที่วัยเดียวกันได้เผชิญ
"หลังจากอัลบั้มออกไป ชีวิตของเราเปลี่ยนไปเยอะค่ะ ไปตรงไหนก็มีแต่งาน งาน งาน ไปที่ไหนคนก็จะเรียกเราว่าโฟร์ มด อยู่คนเดียวคนก็จะเรียกว่าโฟร์ มด เพราะเขาไม่รู้ว่าใครชื่อโฟร์ หรือมด (หัวเราะ) แต่ละวันเราก็จะได้นอนประมาณวันละสามสี่ชั่วโมง แว่บหนึ่งก็เคยคิดว่ามันไม่คุ้มเหมือนกันที่เราเอาเวลาที่เราจะไปสนุกสนานตามวัยของเราไปใช้กับงานหมด พูดตรงๆ เลยว่าคิดเสียดาย แต่อีกมุมหนึ่งเราคิดว่าคนอื่นไม่มีโอกาสที่จะได้ทำแบบเรา เรามีโอกาสต้องรีบคว้าไว้ก่อน มันเป็นสิ่งที่เราต้องยอมแลกค่ะ" ทั้งคู่ตอบด้วยน้ำเสียงร่าเริง ล่าสุดทั้งคู่กำลังจะกลับมาพร้อมอัลบั้มใหม่ ในงานสีสันสดใสที่ใช้ชื่ออัลบั้มสื่อแทนรักว่า 'Love Love'
"จุดเริ่มต้นมันเนื่องมาจากเพลง 'หายใจเป็นเธอ' มันเป็นอาการคิดถึง คิดถึงใครสักคนมากๆ จนหายใจเข้า-ออกก็เป็นคนนั้น แล้วพอเพลงนี้มันเริ่มระบาดไปทั่วแล้ว มันเลยกลายเป็นความรักค่ะ ชุดนี้เลยอินเลิฟเลย เราคงได้ความรักจากคนอื่นมาเยอะด้วย เราถึงมีกำลังใจทำงาน และอีกอย่างหนึ่งคือตอนนี้เรารักในการร้องเพลง รักในการเป็นนักร้อง มันเลยน่าจะทำได้ดีขึ้นนะคะ" พวกเธอเล่าให้ฟังถึงงานชุดที่สอง ที่ทั้งคู่ยังคงได้ร่วมงานกับโจเซฟ-ยุทธนา ศรีอาจ โปรดิวเซอร์คนเดิมจากงานเพลงชุดแรก และทีมแต่งเพลงทีมเดิมที่เคยเขียนเพลงที่สร้างให้คำว่าโฟร์ มด ถูกหายใจเป็น 'เฮ้อ! เธอ' มาแล้ว
"ถ้าตอนนี้มีใครเดินเข้ามาเรียกเราเป็นนักร้องอาชีพ ถึงวันนี้เราก็มั่นใจแล้วว่าเราประกอบอาชีพเป็นนักร้อง เราเจอแล้วว่าเรารักอาชีพนี้ สำหรับมด คำว่านักร้องคือความฝันของมดแล้วล่ะ แต่สำหรับโฟร์ คงตอบว่ารักนะในการเป็นนักร้องอาชีพ เพียงแต่ตอนนี้ไม่รู้ว่าตัวเองมาถึงจุดที่ยืนอยู่ในตำแหน่งนักร้องอาชีพหรือยัง โฟร์เองก็อยากที่จะพัฒนาฝีมือตัวเองให้มันยิ่งกว่านี้ให้ได้ก่อน พิสูจน์ให้คนเห็นว่าเรายังไม่หยุดแค่นี้นะ เรายังมีเยอะกว่านี้อีกที่เราทำได้ จะทำให้คนอื่นเชื่อได้ว่าเราเป็นนักร้องอาชีพ เพลงรักก็คือเพลงรักค่ะ ความรักก็เหมือนกัน สิ่งเหล่านี้มันก็เหมือนกับเด็ก ต่อให้โลกนี้มีแต่สงครามหรือสิ่งร้ายๆ เราก็ไม่คิดว่าเพลงของเราไม่เหมาะกับโลกใบนี้ เพราะเด็กก็คือเด็ก โลกของเด็กก็เป็นแบบนี้ที่มีแต่ความสดใสร่าเริง เขาไม่สามารถจะมารับรู้ได้ว่า เฮ้ย! ตอนนี้เราต้องไปสนามหลวงกันแล้วนะ เราต้องไปประท้วง โลกภายนอกจะโหดร้ายแค่ไหน เด็กก็ยังชอบที่จะดูการ์ตูนอยู่บ้าน เนื้อเพลงของเราก็ไม่ใช่เรื่องโกหกค่ะ โลกมันสวยแบบนั้นจริงๆ" สาวน้อยทั้งคู่กล่าวเปรียบเพลงรักสดใสของเธอไว้กับเด็กที่บริสุทธิ์ราวผ้าขาวไว้อย่างงดงาม หากการโยนผ้าขาวลงในสมรภูมิมีความหมายถึงการยอมแพ้ ผ้าขาวที่เปรียบได้กับความบริสุทธิ์ของเด็ก และเพลงรักของพวกเธอก็คงไม่ต่างจากภาพของ John และ Yoko
เมื่อโยนผ้าขาวไปในสมรภูมิให้สงครามหยุด เมื่อนั้นมนต์แห่งรักก็จะชนะทุกสิ่ง
เรื่อง : กระบี่หัก หิมะเหิน | ภาพ : Ricky Yena
