
เฮ้อ...ตอนนี้รู้สึกว่าระบบทางเดินหายใจเกิดอาการผิดปรกติขึ้นมาอย่างเฉียบพลัน มันมีอาการ "หายใจเข้าก็...เฮ้อ...โฟร์ หายใจออกก็...เฮ้อ...มด" เมื่อรู้สึกว่าตัวเองมีอาการผิดปรกติถึงขั้นโคม่าอย่างนี้ เลยต้องพาตัวหอบหิ้วหัวใจไปซุกซนถึง R.S. เพื่อตีซี้ตีสนิทพูดคุยกับสองสาวหน้าใสไร้สารตกค้าง มาให้แฟนๆ EDUTAINMENT UPGRADE ได้รู้จักกับเธอสองคนให้มากขึ้น
"พอมีพี่โปรดิวเซอร์ของบริษัท ไอดี เร็คคอร์ด มาเจอเราสองคนที่โรงเรียนสอนร้องเพลงเขาก็เลยจับสองสาวน่ารักอย่างเราสองคน มาเป็นคู่หูดูโอ้ โฟร์-มด ในงานเพลงอัลบั้มชุดนี้ค่ะ"
เป็นคำทักทายแรกๆ ของสองสาวที่ช่วยลดแรงเสียดทานอาการตื่นเต้น ตุ้มๆ ต่อมๆ ของเราได้ชะงักเลยทีเดียว แถมยังช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันความกล้าที่จะปริปากพูดคุยในประโยคต่อไปกับสองสาวอย่างไม่เสียศูนย์ความมั่นใจของตัวเอง
งั้นเหรอ! แล้วบรรยากาศในวันที่ได้พบเจอหน้ากันครั้งแรกของทั้งคู่ มีอะไรมันๆ มาเม้าท์ให้ฟังบ้างไหม
มด : คำถามแรกที่มดเจอหน้าพี่โฟร์ดเลยนะ มดถามพี่โฟร์ว่า ให้ทายสิหนูอายุเท่าไหร่?
โฟร์ : งง!! เลยนะอยู่ดีๆ มาให้ทายอายุ แต่ตอนนั้นโฟร์เห็นมดเขาซนๆ วิ่งไปวิ่งมาเหมือนเด็กๆ อยู่ แต่ว่าทำไมตัวถึงสูงจัง ก็เลยทายไปว่าคงจะอายุไล่ๆ กับเราซักประมาณ 17 แต่ตอนนั้นมดเขาเพิ่งอายุแค่ 13-14 เอง
มด : ตกใจสุดๆ เลยอ่ะ มดเลยถามพี่โฟร์ต่อไปว่าหน้าหนูแก่มากเลยเหรอ?
โฟร์ : หน้าไม่แก่แต่แค่ตัวสูง ก็เลยดูว่าอายุเยอะ
มด : ก็กินนมวันละหนึ่งลิตรไงพี่โฟร์ เลยทำให้มดสูง แม่บอกมา (สงสัยกินนมแทนน้ำแน่ๆ)
ตัวตนที่แท้จริงของคู่ดูโอ้ "โฟร์-มด" เป็นไงบ้าง
โฟร์ : ก็จะเป็นตัวของตัวเองนะ ออกแนวห้าวๆ แมนๆ จนไม่มีหนุ่มๆ กล้าเข้ามาจีบเลย (จริงอ่ะ)
มด : ออกแนวหวานๆ ค่ะ ชอบอะไรน่ารักใสๆ อย่างตุ๊กตาหมี Teddy Bear มดชอบมั่กๆ
อ้าว! เป็นองศาที่แตกต่างกันซะ...ขนาดนี้ แล้วมาเป็นส่วนผสมที่ลงตัวได้ยังไง
โฟร์ : มันเป็นความแตกต่างที่ลงตัวนะ โฟร์คิดยังงั้น! ถ้าตัวโฟร์ขาดอะไร มดเขาก็จะมาเติมเต็มในสิ่งที่โฟร์ขาดหาย
มด : ส่วนตัวมดขาดอะไรพี่โฟร์ก็จะมาเติมเต็มส่วนที่ขาดหายไปในความเป็นตัวของมดเอง
แล้วมันคืออะไรล่ะที่ต่างช่วยกันเติมเต็มสิ่งที่ขาดหายซึ่งกันและกัน
โฟร์ : อย่างพวก Acting โฟร์เรียนมาไงคะ! โฟร์ก็สามารถทำได้ แต่มดเขาเพิ่งจะเข้าวงการมาเอง อาจจะ Acting ไม่ดีเท่าที่ควร โฟร์ก็จะช่วยมดได้
มด : อย่างเรื่องร้องเพลงนะ มดร้องมาก่อนพี่โฟร์ใช่ป่ะ! พี่โฟร์อาจจะไม่ค่อยมีเทคนิคในการร้องเพลงเยอะเท่ากับมด เพราะมดเรียนมาก่อน มดก็สามารถสอนพี่โฟร์เขาได้
เป็นความฝันหรือเปล่า กับการมีอัลบั้มงานเพลงเป็นของตัวเอง
โฟร์ : รู้สึกดีใจ เพราะว่าตัวโฟร์เองก็อยากที่จะทำงานหลายๆ แบบอยู่แล้วล่ะ ก็เหลือเพียงแค่อาชีพนักร้องที่ตัวเองฝันไว้ แต่ว่าเรายังไม่มีโอกาสได้เคยลองทำ พอโอกาสมันมาถึงแล้ว และเราได้สัมผัสมันก็รู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูกเหมือนกัน
มด : ส่วนตัวมดชอบร้องเพลงอยู่แล้ว ก็เลยไม่อ้อนคุณแม่ ขอเรียนร้องเพลงได้ไหม อยากจะร้องเพลงเป็น อยากจะเป็นนักร้อง คุณแม่ก็สนับสนุนบอกว่า ได้ๆ ตามใจตัวมดเองเลย แล้วคุณแม่ก็ส่งมดมาเรียนร้องเพลง จนได้มีอัลบั้มคู่กับพี่โฟร์

โฟร์ : โฟร์เรียนอยู่มหาวิทยาลัยรังสิต คณะนิเทศศาสตร์ ปี 1 วิชาเอกการแสดง ที่โฟร์เลือกเรียนคณะนี้ก็เพราะโฟร์เองได้มีโอกาสทำงานอยู่ในวงการบันเทิง ทำให้ตัวเราอยากจะรู้อะไรเพิ่มเติมอีกหลายๆ ด้านในวงการนี้ และที่โฟร์เลือกเรียนวิชาเอกการแสดง เพราะมันเป็นสาขาวิชาที่สอนเน้นในเรื่องเทคนิคการพูดที่ดีควรจะเป็นยังไง เทคนิคในการฟังให้มีประสิทธิภาพ ตัวเราจะต้องเตรียมตัวยังไงบ้างถึงจะเป็นนักฟังที่ดีที่สามารถสื่อความหมายออกมาได้ ส่วนในอนาคตถ้าโฟร์เรียนจบแล้วจะทำงานทางด้านนี้ไหม ถ้ามีโอกาสก็อยากจะทำนะ อยากที่จะปั้นน้องๆ รุ่นหลังเขาดังบ้าง (หัวเราะ)
มด : ตอนนี้เพิ่งเรียน ม. 3 อยู่ที่โรงเรียนโยธินบูรณะ โปรแกรมภาษาอังกฤษ แต่มดก็มีมหาวิทยาลัยในฝันของมดนะคะ มดอยากจะเข้าไปเป็นนิสิตคณะอักษรศาสตร์ จุฬาฯ เพราะครอบครัวมดเกือบทุกคน เขาก็จบอักษรศาสตร์กัน พอจบแล้วก็ไปเรียนต่อเมืองนอกเกือบทุกคนเลย มดก็เลยรู้สึกว่า เห็นพี่เขาทำได้ก็เลยอยากที่จะเก่งเหมือนพวกพี่ๆ เขาบ้างอ่ะ! ก็อยากจะเก่งทางด้านภาษาเหมือนกับพี่ๆ ที่บ้าน แล้วยิ่งมดรู้มานะว่าอักษรฯ จุฬาฯ เป็นอะไรที่ยากสุดๆ ทำให้ตัวมดเองก็อยากที่จะไปลองเรียนดู เพราะนิสัยลึกๆ ของมดเองเป็นคนที่ว่าถ้าเห็นใครๆ เขาบอกว่าอะไรยากๆ มดก็อยากจะทำให้สำเร็จ มันก็เลยยิ่งเป็นแรงผลักดัน ทำให้ตัวเราอยากที่จะไปลองเรียนที่ จุฬาฯ ดูสักตั้งหนึ่ง
แล้วมดไม่รู้สึกถูกแรงกดดันจากพวกพี่ๆ ที่บ้านบ้างหรือ
มด : ก็ไม่ได้รู้สึกกดดันอะไรตัวเองเลยนะ พี่ๆ ของมดก็คุยปรึกษาได้ทุกคน ยิ่งเวลามดไม่เข้าใจเรื่องเรียนปุ๊บ! พอมาถามพี่ๆ เขาก็ตอบให้มดหมดเลย ยิ่งเวลามดทำการบ้านไม่ได้พี่เขาก็จะมาช่วยติวให้
โฟร์ล่ะ! ช่วยเล่าบรรยากาศรับน้องในมหาวิทยาลัยรังสิตหน่อยสิเจอรุ่นพี่ว้ากเกอร์ป่วนๆ กับโฟร์มั่งป่ะ
โฟร์ : ตอนรับน้องแรกๆ โฟร์ก็กลัวเหมือนกันนะ เพราะเข้ามาเรียนแรกๆ เรายังไม่มีเพื่อนเลยสักคนเดียว ส่วนเพื่อนที่โรงเรียนเก่าโฟร์ก็ไม่มีใครไปเรียนที่มหาวิทยาลัยรังสิต ทีนี้ก็กลัวว่าเราจะหาเพื่อนใหม่ไม่ได้ด้วย เพราะโฟร์ไม่ค่อยมีเวลาไปทำกิจกรรมกับมหาวิทยาลัยสักเท่าไรนัก อย่างเวลาที่ต้องไปซ้อมเชียร์ โฟร์ก็ไม่ค่อยได้ไปเพราะไม่มีเวลาว่าง แต่มันน่าเซอร์ไพรส์มากเลยนะในวันปฐมนิเทศของมหาวิทยาลัย โฟร์ได้เพื่อนใหม่มาตั้งเกือบ 10 คน ทีนี้ตัวเราก็รู้สึกอุ่นใจขึ้นมาแล้ว คิดในใจเลยนะถ้าสมมติรุ่นพี่มาทำอะไรไม่ดีกับเรา เพื่อนๆ ต้องช่วยเราได้แน่ๆ เลย (เสียงเธอมั่นใจมั่กๆ) แต่พอโฟร์รับน้องจริงๆ ก็ยังไม่เจอรุ่นพี่ว้ากใส่เลยนะ มีแต่รุ่นพี่มาคอยต้อนรับกันแบบฮาๆ สนุกๆ มากกว่า
แล้วจริงๆ ในความรู้สึกของโฟร์ยังอยากให้มีประเพณีรับน้องต่อไปหรือเปล่าล่ะ
โฟร์ : อยากให้มีนะคะ แต่ก็อยากให้ทางอาจารย์มาช่วยดูแลควบคุมด้วย เพราะว่าบางทีที่โฟร์ได้ยินข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์มา โฟร์ว่ามันก็แรงเกินไป ซึ่งบางครั้งตัวอาจารย์เองก็อาจจะไม่รู้ ไม่เห็นกับสิ่งที่รุ่นพี่เขาทำเกินขอบเขตกับรุ่นน้องไปแล้ว แต่ลึกๆ ในใจโฟร์ว่ามันก็ดีนะ ไม่น่าจะยกเลิกหรอกเพราะถ้าอาจารย์รู้จักมาควบคุม เพราะว่ามันเป็นวัฒนธรรมที่ดีที่ทำให้รุ่นพี่รุ่นน้องได้รู้จักกันด้วย พอมีอะไรจะได้ช่วยเหลือกันได้ เพราะเราอยู่ในรั้วมหาวิทยาลัยเดียวกัน
มด : ขอบายนะคะสำหรับคำถามนี้ แบบว่ายังเรียนไม่ถึงเลยอ่ะ

โฟร์ : มันเพิ่งมาหนักในช่วงนี้เองนะ เพราะว่าช่วงก่อนสอบเอนทรานซ์ โฟร์ก็ไม่ค่อยมีผลงานบันเทิงสักเท่าไหร่ แต่พอตอนนี้โฟร์มาทำงานเพลงก็คุยกับอาจารย์ของมหาวิทยาลัย อาจารย์เขาก็ยินดีช่วยโฟร์นะ แต่อาจารย์เขาก็กำชับมาว่าไม่เข้าเรียนไม่เป็นไรนะ แต่ต้องพยายามขอยืมของเพื่อนที่เรียนมาอ่านก่อน แล้วพยายามตามงานให้ทันด้วย
มด : ของมดจะหนักหน่อยหนึ่ง เพราะมดเรียนเป็นภาษาอังกฤษหมดทุกวิชาเลย วิชาไหนที่มดขาดเรียนก็จะให้อาจารย์มาสอนพิเศษที่บ้านในวันเสาร์-อาทิตย์ เรียกว่ามาติวเพิ่มเติมอีกน่ะค่ะ เพราะว่าถ้ามดหยุดเรียนบ่อยๆ มันอาจทำให้ตัวเราเรียนไม่รู้เรื่อง แต่บางทีมดก็จะไปติวที่บ้านเพื่อนที่เขาเข้าเรียนด้วย
โฟร์ : แล้วก็เลยถือโอกาสลอกการบ้านเพื่อนไปในตัวเลย
มด : ไม่มีวันหรอกเธอ (น้ำเสียงออกยัวะเล็กๆ)
มีเพื่อนๆ คอยเป็นแบ็กอัพ เป็นกองหนุนพิเศษ คอยช่วยเหลือเรื่องเรียนกันบ้างไหม
โฟร์ : ถือว่าโฟร์โชคดีมากที่เจอะเพื่อนในมหาวิทยาลัยดีๆ ทั้งนั้น คอยเก็บงานให้โฟร์บ้างล่ะ คอยโทร.มาบอกโฟร์ว่ามีการบ้านวิชานี้นะ พรุ่งนี้เธอต้องมาสอบนะ อย่าขาดสอบล่ะ บางทีโฟร์ก็ไม่รู้เรื่องเลย พอไปถึงที่มหาวิทยาลัยต้องถามกับเพื่อนเลยนะว่าจริงๆ เหรอ ทำไมฉันไม่รู้เรื่องเลย ทีนี้ก็ตาลีตาเหลือกให้เพื่อนมานั่งติวให้ก่อนเข้าไปสอบ
มด : เพื่อนก็จะช่วยเยอะนะคะ ก็เพื่อนมดเขาก็จะคอยช่วยเก็บงาน เก็บชีตวิชาเรียนที่สอนไปแล้วให้ ถ้าอาจารย์บางวิชาเขาถามว่ามดหายไปไหน ทำไมไม่เห็นมาเรียน เพื่อนก็จะบอกว่า อ๋อ! มดเขาไปทำงานค่ะ ทีนี้อาจารย์เขาก็เข้าใจ เขาก็เลยคอยช่วยเราอีกแรงหนึ่ง
พอมาเป็นสองสาวดูโอ้ที่สุดฮิตในตอนนี้ มันทำให้ชีวิตในวัยซนวัยเรียนอย่างโฟร์-มด เปลี่ยนแปลงไปมากไหม
โฟร์ : เปลี่ยนไปมากเลยค่ะ ตัวเองจะไม่ค่อยมีเวลาอยู่กับเพื่อน ซึ่งปรกติเวลาโฟร์เรียนเสร็จแล้วก็จะมานั่งเม้าท์กับเพื่อนๆ บ้างล่ะ คุยเรื่องเราจะไปเที่ยวกันที่ไหนดี หรือไม่ก็ยกแก็งขบวนเพื่อนๆ ไปนั่งกินข้าวตามห้างฯ พอเรามาทำงานตรงนี้ เวลาตรงนั้นมันก็ไม่มีอีกแล้ว ชีวิตเลยกลายมาเป็นเรียนเสร็จ เราก็ต้องตรงดิ่งมาทำงานเลย ฮึ...ฮึ (หัวเราะอย่างเศร้าๆ)
มด : ก็ดีนะคะ เพราะอาจารย์และเพื่อนๆ ทุกคนก็เข้าใจที่เราต้องมาทำงานในวงการบันเทิง อาจารย์เขาบอกกับมดว่าตัวเราทำงานก็อย่าทิ้งการเรียนไปเลย เพราะว่าการเรียนก็สำคัญต่ออนาคตเราเหมือนกันนะ อาจารย์เขาก็ยังช่วยบอกว่ามีสอบวันไหนบ้าง เพื่อนๆ ก็เข้าใจที่เราต้องเอาเวลามาทุ่มให้กับงาน แถมยังมีเด็ดๆ กว่านั้นอีกนะคะ คือเพื่อนที่โรงเรียนของมดยังเอาเพลงของเรามาล้อประมาณแบบว่า เฮ้อ...มด...หวัดดี...เฮ้อ...มด...ทำงานเหนื่อยไหม อะไรทำนองนี้ค่ะ
ในฐานะที่ยังเป็นคู่ดูโอวัยเรียนกันอยู่ อยากให้แสดงทัศนคติในเรื่องระบบ แอดมิสชั่นส์ที่ยังเป็นประเด็นฮอตฮิตไม่เลิกในสังคมการศึกษาบ้านเราตอนนี้
โฟร์ : ก็ดีนะคะที่ผู้ใหญ่ในวงการศึกษาเขาเอาเวลาเรียนมาเป็นเกณฑ์ตัดสินด้วย เพราะว่าเด็กบางคนก็ไม่ค่อยเข้ามาเรียนในห้องเรียน แต่เอ๋! อย่าเพิ่งนะ โฟร์เคยเจอแบบว่ามีเด็กบางคนเขาก็ไม่ค่อยได้เข้าเรียนแต่เขาสามารถทำข้อสอบได้ แถมเขายังเรียนเก่งอีกต่างหาก ซึ่งอันนี้โฟร์ว่าเขาคงสามารถแบ่งเวลาอ่านหนังสือเองได้ เอ๊ะ! ยังงี้จะสรุปยังไงดีล่ะ เอาเป็นว่าเฉยๆ แล้วกัน เป็นกลางดีที่สุดว่าป่ะ คงมีทั้งข้อดีและข้อเสียด้วยมั้ง
มด : ที่จริงคำถามนี้ต้องถามมดก่อนเลยนะ เพราะมดกำลังจะเรียนระบบนี้อยู่พอดี ซึ่งทางโรงเรียนของมดเขาจะให้เราเก็บคะแนนในห้อง 80% ส่วนคะแนนสอบก็ 20% ถ้าสมมติถ้านักเรียนคนไหนอยากได้เกรดดีๆ ต้องแบบว่าขยันเรียน เข้าเรียนบ่อยๆ เพราะทางโรงเรียนเขาจะเอาคะแนนพฤติกรรมมาเป็นหลัก ส่วนคะแนนสอบเขาเอามาเป็นส่วนเติมนิดหน่อยเอง ทีนี้ระบบแอดมิสชั่นส์มันก็เลยทำให้ตัวมดต้องขยันเรียนมากขึ้นกว่าเก่าอีกเท่าหนึ่ง เพราะว่าอาจารย์เขาจะเน้นเก็บคะแนนในห้อง การบ้านของมดก็จะต้องส่งให้ตรงตามกำหนดเวลา
เฮ้อ...ค่อยโล่งใจ หายใจได้ทั่วท้องสักที เมื่อได้เห็นความน่ารักสดใสที่เป็นกันเองของสองสาวดูโอคู่นี้ แต่อย่าเพิ่งสงสัยนะครับว่าทำไมระบบทางเดินหายใจที่มีอาการผิดปรกติเมื่อตะกี้ เกิดกลับหายไปเป็นปลิดทิ้งไปซะดื้อๆ ได้ไงล่ะ
อ๋อ! สงสัย สองสาว "โฟร์-มด" จะระงับอาการเฮ้อ...ของเราได้อยู่หมัดเลยเนอะ...ว่าป่ะ!!!

เรื่อง | ภาพ : ฉลองศักดิ์ สุขใจธรรม