น้องโฟร์เล่นละครเรื่องแรกคือ น้องใหม่ร้ายบริสุทธิ์ กับบทบาทของ "ผัดฉ่า" และที่ทำให้โฟร์กลายเป็นที่รู้จักนั้นมาจากโฆษณาวันทูคอลกับสโลแกนยอดฮิต วางก่อนดิ ดิ ดิ... ยังจำกันได้หรือเปล่า
เรียกว่าโฟร์ได้แจ้งเกิดอย่างเต็มตัวแล้วในฐานะนักร้องดูโอค่ายอาร์.เอส.ฯ กับอัลบั้มโฟร์มด ที่ตอนนี้เดินไปไหนๆ จะได้ยินเสียงใสๆ ของสองสาวกับท่อนฮุคที่โดนใจในเพลง "หายใจเป็นเธอ" "หายใจเข้าก็เฮ้อเธอ...หายใจออกก็เฮ้อเธอ" ร้องได้กันหรือเปล่าล่ะ...
นอกจากจะเป็นนักร้องแล้ว น้องโฟร์ยังงัดความสามารถทางด้านการพูดออกมาใช้ให้เป็นประโยชน์ ด้วยการนั่งเป็นพิธีกรให้กับรายการ "ดีครับ" D-Club ออกอากาศทุกวันเสาร์เวลา 6 โมงเย็น ทางช่อง 5 ใครเป็นแฟนตัวจริงของเธออย่าลืมติดตามดูล่ะ...
เรียกว่ามีความสามารถรอบด้านจริงๆ ทั้งการแสดง ร้องเพลง พิธีกร... ดูเรื่องผลงานของน้องโฟร์ไปแล้ว คราวนี้เราติดตามด้านการเรียนของสาวน้อยคนนี้บ้างดีกว่า ปัจจุบันน้องโฟร์กำลังศึกษาอยู่ปี 1 คณะนิเทศศาสตร์ ม.รังสิต เธอบอกว่าที่เลือกเรียนคณะนี้เพราะว่า น้องโฟร์เข้าวงการมาทำงานตั้งแต่เด็กๆ ได้ซึมซับการทำงานเบื้องหน้าและเบื้อหลังไปพร้อมๆ กัน ทำให้สนใจการทำงานในวงการบันเทิงเป็นอย่างมาก นั่นเป็นเหตุผลในการเลือกเรียนสาขานี้...มาติดตามชีวิตนักศึกษาในรั้วมหาวิทยาลัยของเธอกันดีกว่า ดูว่าบทบาทการเป็นนักศึกษาของเธอจะเป็นอย่างไร
ช่วงนี้แบ่งเวลาเรียนอย่างไร
"โฟร์มีเรียนทั้งหมด 3 วันค่ะ คือวันจันทร์ พุธ ศุกร์ บางทีอาจจะมีงานเข้ามาเบียดเวลาเรียนไปบ้าง โฟร์เลือกที่จะเข้าไปคุยกับคณบดีเลยว่าเราไม่ค่อยมีเวลาเรียนเท่าไหร่ เป็นการปรึกษามากกว่าค่ะ โฟร์ควรจะทำอย่างไรดี อาจารย์ให้คำปรึกษาดีค่ะ และบอกว่าทุกอย่างมีทางแก้ไขได้ แต่เราต้องตามงานกับเพื่อนเองด้วย"
วางแผนรับมือไว้อย่างไร เพราะจะต้องมีทัวร์คอนเสิร์ตเข้ามา
"จะพยายามโทรหาเพื่อนบ่อยๆ ในวันไหนที่เราต้องขาดเรียนว่ามีงานอะไรบ้างที่อาจารย์สั่ง และต้องส่งวันไหน โฟร์ต้องจัดการทำอย่างไรเพื่อนจะบอกตลอดค่ะ เพื่อนน่ารักมากๆ จะคอยบอกและย้ำเสมอว่า ถ้าไม่เข้าใจตรงไหน ให้ถามได้เลย โอกาสนี้โฟร์ต้องขอบคุณเพื่อนๆ ทุกคนเลยค่ะ"
วางแผนอนาคตทางด้านการเรียนไว้อย่างไร
"ตอนนี้ยังไม่ได้วางแผนอะไรค่ะ ขอแค่ว่าเราทำวันนี้ให้ดีที่สุด ที่หวังไว้อันดับแรกคือเรียนให้จบปริญญาตรีก่อน แล้วต่อจากนี้จะทำอย่างไร เรียนต่อ หรือว่าทำงานไปก่อนคงต้องดูกันอีกทีหนึ่งค่ะว่าจะต้องทำอะไร ณ ตอนนั้น"
ถ้าเรียนปริญญาโท จะเรียนต่อทางด้านสาขาอะไร
"จริงๆ แล้วอยากจะทำงานไปก่อน อย่างที่โฟร์บอก เพราะเราจะได้ประสบการณ์เยอะ ถ้าเรียนต่อจริงๆ โฟร์จะเลือกเรียนทางด้านบริหารหรือไม่ก็เลือกเรียนทางด้านภาษาไปเลยค่ะ เพราะถ้าเราพูดภาษาได้ไปทำงานที่ไหนมันจะง่ายขึ้นมาก"
เข้าวงการมาทำงานคุณพ่อคุณแม่เป็นห่วงมากไหม
"จะเป็นห่วงสุขภาพของโฟร์มากกว่า โดยเฉพาะเรื่องอาหารการกิน เพราะโฟร์จะเป็นคนประเภทที่เหนื่อยมากๆ แล้วจะทานไม่ค่อยลง เป็นอย่างนี้เรื่อยๆ โฟร์มีโรคประจำตัว คือ กระเพราะอาหารด้วย ส่วนเรื่องเรียน คุณพ่อ คุณแม่ ท่านเป็นห่วงเหมือนกัน แต่ท่านเข้าใจว่าเราต้องทำงานด้วย จะคอยให้กำลังใจอยู่ข้างหลังค่ะ"
ท่านตั้งกฏเกณฑ์เกี่ยวกับเรื่องการเรียนบ้างหรือเปล่า
"ไม่นะคะ ท่านขอให้เราเรียนให้จบเท่านั้นพอแล้ว จริงๆ แล้วโฟร์ว่าเรื่องการเรียนไม่มีคำว่าสายสำหรับเรานะคะ ถ้าเรายังคิดที่จะเรียนอยู่เรื่อยๆ ค่ะ วันหนึ่งที่เรามุ่งมั่นจริงๆ ถึงแม้จะเรียนจบช้ากว่าเพื่อนก็ไม่ต้องซีเรียส โฟร์เชื่อว่าถ้าเราตั้งใจมันต้องสำเร็จแน่นอน"
ผลการเรียนที่ผ่านมาพอใจมากน้อยแค่ไหน
"ตอนเรียนจบม. 6 ได้เกรดเฉลี่ยประมาณ 3.00 ค่ะ พอใจมากที่สุดแล้ว เพราะช่วงนั้นโฟร์เข้ามาทำงานแล้วด้วย ไม่ค่อยมีเวลาเรียนเหมือนเพื่อนๆ เขา และไม่ค่อยได้เข้าเรียน อาศัยอ่านหนังสือหนักๆ ตอนช่วงใกล้สอบค่ะ ได้เกรดมาขนาดนี้ก็ถือว่าโอ.เค. แล้วค่ะ"
ยิ่งไม่ค่อยมีเวลาเรียนมันทำให้เรามีแรงฮึดมากขึ้นหรือเปล่า
"เป็นส่วนหนึ่งเหมือนกันค่ะ เพราะเรารู้ตัวเองว่าเราไม่มีเวลาเหมือนเพื่อนๆ ฉะนั้นถ้าเราจะปล่อยเลยตามเลยมันจะเรียนไม่รู้เรื่อง และด้วยความกลัวว่าเราจะเรียนไม่รู้เรื่องนั่นแหละ เลยทำให้เรามีความมุมานะ ขยันอ่านหนังสือมากเป็นพิเศษค่ะ"
ตอนนี้รู้สึกว่าตัวเองมีความรับผิดชอบมากขึ้นกว่าเดิมไหม
"มากขึ้นจริงๆ ค่ะ แต่ยังไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เพราะเป็นคนขี้ลืมด้วย (หัวเราะ) ยิ่งถ้าเราเป็นคนทำอะไรเยอะๆ จะยิ่งลืมไปกันใหญ่เลย ถ้าจะให้บอกว่ามีความรับผิดชอบทางด้านไหน คงจะเป็นเรื่องของเวลาและการทำงานมากกว่าค่ะ เพราะเราต้องทำงานกับคนอื่นอีกเยอะ เรื่องเวลาเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับงานในวงการบันเทิง เพราะถ้าเราสาย มันหมายถึงเขาเสียผลประโยชน์นะ"
สุดท้ายน้องโฟร์คนเก่งได้ฝากเรื่องเรียนมาถึงเพื่อนๆ ด้วย "การเรียนเป็นสิ่งสำคัญมากจะเรียนจบช้า หรือถ้าเราจะทำตัวเกเร ขอให้นึกไว้เสมอว่าคุณพ่อคุณแม่ ท่านส่งเสียให้เราเรียน เงินแต่ละบาทกว่าจะหามาได้มันยากค่ะ สิ่งเดียวที่ท่านหวังคือ อยากจะให้ลูกเรียนจบมีงานทำที่ดี เราควรจะทำให้ท่านภูมิใจดีกว่าค่ะ
คอลัมน์เปิดใจวัยทีน | วิไลรัตน์