เสียดาย...นี่เป็นแค่พื้นที่บนหน้ากระดาษ ไม่อย่างนั้นภาพและเสียงคงจะเป็นตัวชี้ได้ดีว่าคู่นี้...เวลาเม้าท์กัน มีดีกรีความซ่าและมันขนาดไหน

2 Mouth
โฟร์นิยามความเป็นมด : เจ๊าะแจ๊ะ จอแจ ขี้ลืม ขี้โวยวาย เพี้ยน ชอบพูดเสียงดัง
มดนิยามความเป็นโฟร์ : พี่โฟร์แก่กว่ามด 5 ปี แต่นิสัยเด็กเท่ามด ขี้ทุกอย่าง ขี้ลืม ขี้วีน ขี้เซา ขี้เกียจ หน้าผากสวย(ประชด)
โฟร์ : มดก็เอวสวย ไม่มีเซลลูไลท์เลย (ประชดกลับ)
3 ปีออนทัวร์...ยิ่งรู้จักกันมากขึ้น
โฟร์ : ช่วงเวลาที่ไปทัวร์คอนเสิร์ตต่างจังหวัดก็จะต้องนอนห้องเดียวกัน และจะรู้เลยว่ามดเป็นคนที่ขี้กลัวผีมาก อยู่คนเดียวไม่ได้ เวลาอาบน้ำก็จะชอบตะโกนออกมาคุย "ทำอะไรอยู่ เปิดทีวีหน่อยได้ไหม ไม่เห็นได้ยินเสียงเลย" คือจะแกล้งหาเรื่องคุยตลอด แล้วจะเป็นคนที่เจ้าระเบียบมาก เวลาซื้อของอะไรมาก็จะเก็บๆๆ เสื้อผ้าต้องพับต้องจัด ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้กลับเดี๋ยวนี้สักหน่อย ยังต้องอยู่กันอีกหลายวัน เดี๋ยวค่อยก็ได้นะ
มด : (เม้าท์กลับ) พี่โฟร์จะเป็นคนรกมากด้วย ชอบเอาเสื้อผ้ามากองๆ นอกกระเป๋า พอตอนเช็กเอาท์ออกจากโรงแรม 7 โมง ก็ตื่นสัก 6 โมง กว่าจะอาบน้ำ ออกมาจัดกระเป๋า ซึ่งมันก็ไม่ค่อยทัน แล้วเวลาไปทัวร์นี่โฟร์จะไม่ชอบเอาของตัวเองไปเลยนะ
ใช้ของมดตลอด ยาสระผม สบู่ ยาสีฟัน นี่ถ้าเป็นไปได้คงใช้แปรงสีฟันด้วยกันแล้วมั้ง แล้วพี่โฟร์เป็นคนชอบลืมเอาแปรงสีฟันไปบ่อยมาก
โฟร์ : มดจะเป็นคนรักสวยรักงามมาก ก่อนนอนต้องเอาไดร์มาเป่าผม มีหวีสองแบบ มีแบบม้วนกับหวีซี่ถี่ๆ ต้องเอาสเปรย์เซรั่มมาฉีดผม หวีจนผมแห้ง แล้วค่อยนอน ไม่เข้าใจจะทำไปเพื่ออะไร ทำเสร็จแล้วก็ต้องนอน
มด : ใครจะเซอร์เหมือนพี่โฟร์ล่ะ สระผมเสร็จ หัวเปียก นอนเลย ไม่ทำอะไรทั้งนั้นแล้วเป็นไง ตื่นมาหัวฟู
อยากให้ใครปรับเปลี่ยนนิสัยยังไง
โฟร์ : อยากให้มดพูดจาให้รู้เรื่องมากกว่านี้ (หัวเราะ) มดเป็นคนที่พูดแล้วจบไม่ลง อย่างเวลาขึ้นคอนเสิร์ตคิดมุกสดแล้วจบไม่ลง ก็ต้องแอบหันมาถามโฟร์ ถามปากขมุบขมิบ ช่วยหน่อยดิ แต่ถ้ามองจากเวทีจะดูไม่รู้หรอก เพราะเขายิ้มอยู่เราก็ต้องช่วย
มด : อยากให้พี่โฟร์ เลิกขี้เกียจ ขนาดเรียกมากินขนมยังบอกขี้เกียจกินเลย แต่เขาจะเป็นคนพูดขี้เกียจไว้ก่อน ทำไม่ทำอีกเรื่องหนึ่ง
โฟร์ : แล้วเราสองคนก็ช่วยลดความโก๊ะลงหน่อยดีไหม (หันไปถามมด)
มด : ถ้าได้จะดีมาก (หัวเราะ) ล่าสุดเราไปถ่ายเอ็มวีที่ญี่ปุ่นกัน น่าอายมาก ใส่รองเท้าโรลเลอร์สเกตซ์ ตอนถ่ายก็เต้นกลางถนนอยู่ดีๆ แล้วพอเดินกลับก็เดินไม่ได้ เลยอุ้มเอา (แล้วก็เงียบไปนานมาก)
แล้วยังไงต่อ
มด : เล่าจบแล้ว
โฟร์ : เห็นมั้ย มดเป็นคนพูดอะไรแล้วจบไม่เป็น พอเราถ่ายและเต้นกันเสร็จ สรุปก็คือเดินกลับมาไม่ได้ เพราะมันลื่นมากแบบเดินทีก็ล้มเพราะรองเท้ามีล้อ สรุปทีมงานก็ต้องมาอุ้มเรากลับไป น่าอายมาก
ความเหมือนอยู่กับความต่าง แต่มองตาก็รู้ใจ
โฟร์ : เราชอบอะไรเหมือนกัน ชอบคุย ไม่ชอบความเครียด ชอบอะไรง่ายๆ เปิ่นๆ โก๊ะๆ ได้เหมือนกันดีกรีความซี้เราขั้นเทพ (หัวเราะ)
มด : (ขัด) ไม่ใช่เกม! อย่างเวลาทำงานผิดพลาดไม่เข้าใจกันกับทีมงาน เรายังเด็ก ก็ไม่รู้ว่าทำไมต้องเป็นอย่างนี้ ทำไมพี่ทีมงานเค้าต้องดุล่ะ พี่โฟร์จะคอยบอก คอยให้กำลังใจ ไม่ต้องไปคิดมาก ช่างมันเหอะ คิดแล้วปวดหัว เรากลับไปแก้อะไรไม่ได้แล้วนี่ ปล่อยๆ มันไปแล้วกัน
โฟร์ : ก็เราโตกว่าเขา เราเคยผ่านงานในวงการมามากกว่า ก็จะคอยเป็นกำลังใจ คอยสอนเขาเสมอ เราไม่ได้ใช้ชีวิตด้วยกันแค่บนเวที แต่เวลาทัวร์คอนเสิร์ต ไปต่างจังหวัดไกลๆ ก็มีแต่เราสองคนนี่แหละที่เข้าใจกันและอยู่ด้วยกันตลอด บางทีเหนื่อยมากต้องทำงานเลิกตี 2 ตี 3 มดก็จะเริ่มงอแง อยากนอน อยากกลับบ้าน เราก็ต้องคอยพูดให้กำลังใจ ช่วยๆ กันนะ เอาน่า! อีกนิดเดียวก็เสร็จ กลายเป็นพี่สาวคนโตของมดไปแล้ว (หัวเราะ) อีกอย่างหนึ่งมดจะมีความง้องแง้ง ความขี้อ้อนสูงมาก! อ้อนพี่โฟร์อย่างนู้น พี่โฟร์อย่างนี้ เราจะไม่ค่อยงอนกัน มักจะเห็นอะไรตรงกันบ่อยๆ เบื่อก็เบื่อเหมือนกัน เซ็งก็เซ็งเหมือนกัน มองหน้าก็รู้แล้ว นี่แกเหนื่อยใช่ไหม อย่างถ้าวันไหนคิวว่าง ก็จะหาเวลาไปช้อปปิ้งดูหนังกันเถอะ แล้วก็เฮกันไป แอสมั้ย (หันไปถามมด)
มด : แอส (หันไปตบมือกันกลางอากาศ)

คืออะไร คำว่า 'แอส' เนี่ย
โฟร์ : ก็เวลาคิดเห็นตรงกันจะต้องหันไปถามว่าแอสไหม ถ้าแอสพร้อมกันก็คือ โดนมากๆ มันมาจากคำว่า แอสพารากัส ที่แปลว่าหน่อไม้ฝรั่ง เอามาจากพี่ที่สตูดิโอ แต่มันเกี่ยวอะไร ไม่รู้เหมือนกันค่ะ รู้แต่ใครแอสมา ก็แอสด้วย (พูดจบทั้งคู่ก็หันไป แอส กันอีกรอบ)
*จากสถิติ 30 นาที ผ่านไป สรุปว่าทั้งโฟร์และมด หันไปตบมือกันและพูดประโยคถามกันเองตอบกันเอง แอสไหม : แอส รวมทั้งสิ้น 7 ครั้งด้วยกัน
