
"ไกลมากค่ะ ตอนแรกที่ย้ายมาอยู่นี่โฟร์นึกว่าพ่อแม่ย้ายบ้านมาอยู่ต่างจังหวัดนะเพราะไกลมาก แล้วมันไม่มีอะไรเลย ถนนก็ไม่มี มีแต่ทุ่งนา ทุกอย่างเป็นทุ่งนาหมดเลย แล้วตอนนั้นเรายังเด็กด้วยก็ถามแม่ทำไมมาอยู่บ้านนอกขนาดนี้ จำได้ว่าแม่บอกว่าไม่ใช่บ้านนอกแต่เป็นชานเมืองคนจะได้ไม่เยอะ แต่พอเวลาผ่านไปก็ค่อยๆ เจริญขึ้น พอมีสนามบินสุวรรณภูมิ ยิ่งมีหมู่บ้านมาสร้างมากขึ้น ตอนนี้ก็เลยไม่ค่อยเหมือนบ้านนอกแล้ว แต่ถึงจะเจริญขึ้น แต่ก็ยังมีความเงียบสงบเหมือนเดิม"
โฟร์เล่ารายละเอียดย้อนหลังของบ้านหลังนี้ให้ฟังคร่าวๆ ก่อนจะพาเราเดินดูมุมบ้าน ที่เป็นอาคารพาณิชย์ 5 ชั้น ชั้นล่างคุณพ่อเปิดเป็นร้านขายอะไหล่รถยนต์ ชั้นสองเป็นห้องครัวและที่ทานอาหาร ชั้นสามเป็นห้องนอนของโฟร์กับครอบครัว ส่วนชั้นสี่เป็นห้องพระและห้องแฟนคลับ สำหรับการตกแต่งโดยรวมแล้ว โฟร์ออกตัวกับเราว่าไม่ค่อยได้มีส่วนร่วมอะไรยกเว้นห้องนอนของเธอกับห้องแฟนคลับ

"บ้านหลังนี้จะแต่งออกแนวจีนๆ นิดหนึ่ง เพราะพ่อแม่เป็นคนแต่ง ตอนนั้นไม่ว่าพ่อกับแม่จะแต่งจีนแค่ไหนหรือเราไม่ชอบยังไงก็ไม่มีปากเสียงเพราะยังเด็ก แต่พอโตขึ้นไม่ไหวแล้ว ทำไมบ้านเราลิเกขนาดนี้ ห้องนอนของโฟร์ก็เลยขอแต่งเอง ตอนแรกตั้งใจอยากได้แนวยุโรป แต่พอแต่งไปแต่งมาของน่ารักกุ๊กกิ๊กแบบญี่ปุ่นเราก็ชอบ ของสวยหรูแบบยุโรป หรือแบบจาไมก้าก็ชอบ ก็เลยไม่เป็นสไตล์เอาเป็นว่าเราชอบอะไรก็ใส่ลงไป"

แต่ของแต่งบ้านที่เราเห็นมีทั่วทุกมุมคือรูปภาพของโฟร์กับตุ๊กตาคิตตี้
"รูปภาพกับตุ๊กตาคิตตี้มีเยอะมากเพราะแฟนคลับให้มา โฟร์โชคดีที่มีแฟนคลับตั้งแต่ตอนถ่ายโฆษณา ตอนแรกมันอยู่ในห้องนอน แต่พอเริ่มเยอะขึ้นจนห้องนอนเก็บไม่พอต้องขนเอามาไว้ข้างนอกและที่ห้องแฟนคลับ คือแฟนคลับรู้ว่าเราชอบคิตตี้ก็ซื้อมาให้หมดเลย นี่โฟร์ให้แม่เคลียร์ไปเยอะแล้วนะเพราะรู้ว่าพี่จะมาถ่ายไม่อย่างนั้นพี่จะตกใจ มันมีเยอะมากจริงๆ เพราะเราพยายามจะเก็บของที่แฟนคลับให้มาหมดทุกชิ้น มันรู้สึกปลื้มและดีใจมาก ไม่ว่าจะเป็นของชิ้นเล็กชิ้นใหญ่ แม้แต่ดอกไม้ก็เก็บไว้ เพราะเขารักเราถึงให้มา ฉะนั้นเราก็ควรเก็บรักษาความรักความรู้สึกดีๆ ของเขาไว้อย่างดี"
โห...ได้ยินอย่างนี้ แฟนคลับของโฟร์คงเป็นปลื้ม และยิ่งทวีความรักให้กับโฟร์ ยิ่งขึ้นไปอีกสินะ
