FOUR
ตอนนี้ข่าวความรักของโฟร์คิดยังไงคะ
"ค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไปดีกว่าค่ะ... จับหลายมือเดี๋ยวหลุดหมด (หัวเราะ)"
เหมือนมีประสบการณ์เลยนะคะ
"ไม่ได้มีประสบการณ์เลยค่ะ คือตอนนี้เราก็อายุ 22 ปีแล้ว เราก็มองว่าตอนเด็กๆ เราไม่ได้คุยกับใครจริงจัง พอคุยไปคุยมามันก็กลายเป็นว่าดูไม่ดีดูเจ้าชู้จังเลย เราก็เลยคิดว่าค่อยๆ เป็น ค่อยๆ ไป รู้จักกันทีละคนดีกว่าค่ะ"
แล้วกับ "พิชญ์ ซีควินท์" นี่ตกลง...เป็นแฟนกันมั้ย...
"ไม่ๆๆ ค่ะ...คือถ้าเราเป็นแฟนกันหนูก็เปิดเผยนะ หนูไม่ปิดบังหรอก คือทุกวันนี้เราสนิทกันหนูก็จะบอกว่าสนิท คือหนูก็เคยบอกไปแล้วว่าพิชญ์ก็เพิ่งเข้ามาทำงานตรงนี้ หนูก็ยังไม่รู้ว่านิสัยเขาจะเปลี่ยนไปหรือเปล่า บางทีเขาอาจจะเจอคนที่น่ารักกว่าสวยกว่าเขาก็อาจจะไปก็ได้ เราก็ไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นยังไง ตอนนี้ขอวางตัวเป็นกลางๆ ไว้ก่อนดีกว่า"
ทำไมคิดอย่างนั้น
"หนูก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ...อะไรก็เกิดขึ้นได้ เหมือนกับตอนที่โฟร์เข้าวงการใหม่ๆ เราก็เจอว่าเออ...คนนี้ก็สวย คนนี้ก็หล่อนะ มันเหมือนกับเรามาเจอกับสังคมหนึ่ง มาเจอกับโลกใหม่อะไรอย่างนี้ค่ะ อย่างตอนเราเข้ามาคนก็บอกว่าโฟร์-มด น่ารักจังเลย ซีควินท์ เท่จังเลยอะไรอย่างนี้ เราก็เลยมองว่ายังไม่ต้องคิดอะไรกันมาก"
คาดหวังมั้ยคะ
"ไม่คาดหวังค่ะ...หนูก็ไม่ได้ว่าอะไรนะคะ เพราะว่าตั้งแต่ตอนที่เขาเรียนเขายังไม่ได้ออกอัลบั้มเนี่ย เราก็รู้จักกันอยู่แล้ว เวลาเดินออกไปไหนมาไหนก็จะเป็นเขา"
ไม่กลัวว่าจะเป็นข่าวเหรอ
"ตอนแรกหนูก็มั่นใจว่าไม่กลัวนะคะ แต่ว่าพักหลังๆ ที่เขามีชื่อเสียงเริ่มดัง เราก็เริ่มไม่ไปไหนกับเขาแล้ว คือเริ่มมีระแวงบ้าง เราก็เข้าใจอารมณ์แฟนคลับที่เขาชอบมากๆ จริงๆ เราก็รู้สึกว่า...เฮ้ย! เราจะไปสนิทกว่าเขาได้ยังไง เราก็เข้าใจเราก็พยายามนะ เวลาเจอกันปุ๊บ เราก็ไปอยู่กับแฟนคลับก่อนเดี๋ยวค่อยเจอกัน...ค่อยคุยกันทีหลังดีกว่า (มีหวั่นๆ อยู่) ใช่ค่ะ...ก็มีหวั่นๆ บ้าง (หัวเราะ)"
แล้วมีเหตุการณ์อะไรบ้างคะ
"ยังไม่มีค่ะ... ถ้ามีเหตุระทึกขวัญหนูก็คงจะไปลงหน้าหนึ่งก่อนแล้วค่ะ (หัวเราะ)"
แล้วเขารู้มั้ยว่าเราเองก็แอบหวั่นๆ อยู่
"เขาไม่รู้หรอกค่ะ...โฟร์ก็ไม่อยากให้แฟนคลับเขามาไม่ชอบเราหรือเกลียดเราอะไรอย่างนี้ แต่เราก็ไม่ได้เป็นอะไรกันจริงๆ ค่ะ แต่ถึงแฟนคลับเขาจะไม่ชอบเราจริงๆ ก็ไม่เป็นไร เพราะโฟร์คิดว่าเราไม่ได้ทำอะไรผิด ถึงเขาไม่เข้าใจก็ปล่อยเขาเถอะ เราจะให้ทุกคนมาชอบเรากันทุกคนมันก็เป็นเรื่องยาก"
เขารู้มั้ยว่าเราคิดอย่างนี้
"เขาก็รู้ค่ะ... เวลาที่หนูอยู่กับแฟนคลับเราก็จะบอกเขาว่าไว้เจอกันทีหลังนะ คือให้เขาอยู่กับแฟนคลับก่อน เพราะแฟนคลับที่หนึ่ง เราเป็นที่สองอะไรอย่างนี้ค่ะ (หัวเราะ)"
โฟร์กับพิชญ์รู้จักกันตั้งแต่เมื่อไหร่คะ
"เรารู้จักกันมานานแล้วค่ะ เราก็ไม่ได้ตื่นเต้นอะไรกันมากนักเพราะว่าเรารู้จักกันมาอยู่แล้วค่ะ เหมือนกับที่แม่บอกว่าทำอะไรก็ดูแลตัวเองดีๆ นะ ให้ระมัดระวังหน่อยเพราะว่าบางทีมันเป็นแค่มุมกล้องเนี่ย ภาพก็อาจจะออกมาเป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมาได้ เราก็โอเคๆ เราจะพยายามดูแลตัวเอง เพราะเราก็บอกกับแม่ว่าเราอายุ 22 ปีแล้ว ก็ไม่ได้เด็กจนไม่รู้เรื่องว่าเราควรทำหรือว่าไม่ควรทำอะไรอย่างนี้ค่ะ เราก็ดูแลตัวเองมากขึ้นเกี่ยวกับเรื่องพิชญ์นะคะ"
แล้วแม่เขาห่วงมั้ยเวลาเราเดินไปไหนมาไหนจะเป็นข่าว
"โฟร์ก็เคยถามเขาว่าถ้าเกิดนักข่าวเขาถ่ายรูปออกมาตอนเราเดินอยู่ล่ะ พิชญ์ก็บอกว่า ก็ไม่เป็นไร เราก็ไปกินข้าวไง แม่ก็ถามว่าแล้วเขาจะมองว่าเราเป็นอะไรกันล่ะ ... โธ่! แม่คะคือสมัยนี้โลกมันเปิดกว้างขึ้นนะคะ แม่หนูเขาจะเป็นคนสมัยก่อนมากๆ ไม่ได้นะ...ผู้หญิงจะโทรหาผู้ชายก่อนไม่ได้นะ ผู้หญิงไปหาผู้ชายก่อนไม่ได้นะ แต่โฟร์คิดว่าในปัจจุบันเรื่องความรักมันเปิดกว้างแล้ว พี่ๆ นักข่าวเขาก็เข้าใจอยู่แล้ว เราก็ไปกินข้าวกันมันไม่มีอะไรมากกว่านั้น มันไม่มีหรอกค่ะ"
แล้วคุณแม่ของพิชญ์เป็นยังไงบ้างคะ
"น่ารักดีค่ะ เวลาแม่เขาไปไหนก็จะโทรชวนให้เราไปด้วย เราก็เจอเขาด้วย หรือเวลาที่หนูไปกินข้าวกับพิชญ์ เขาก็พาคุณพ่อคุณแม่กับพี่ชายเขามาด้วย (เขาเปิดไฟเขียวยัง) ไม่ต้องไฟเขียวหรอกค่ะ คือพวกเราก็รู้จักกันมาตั้งแต่แรกไม่ใช่ว่าเราเพิ่งมารู้จักกันตอนที่ดังแล้ว มันก็เลยเป็นเรื่องปกติที่เมื่อเราเจอเขา เจอพ่อแม่เขาเราก็ไม่ได้ตื่นเต้นอะไรมากค่ะ"
เป็นไงล่ะแฟนคลับของสาวโฟร์ ตอนนี้คงรู้กันแล้วนะว่าหัวใจของสาวโฟร์เริ่มจะเป็นสีอะไร แต่ก็ช่างใจร้ายจริงๆ เลยน้องโฟร์ของเราเนี่ยดันมองข้ามช่างภาพ Smile ของเราไปได้ยังไง ป่านนี้สงสัยคงวิ่งไปเอาหัวโขกผนังตายแล้ว เอาเป็นว่ามาพบกับข่าวหัวใจของสาว "มด" กันต่อเลยดีกว่า ...แอ่นแอ๊น...
MOD
เป็นยังไงบ้างคะน้องมด หัวใจยังว่างอยู่หรือเปล่า
"ยังว่างค่ะ (จริงเร้อ...แล้วที่เป็นข่าวล่ะคะ) กับ "คริส" เหรอค่ะ ที่คนเห็นเราเดินไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยเพราะว่าเราเรียนพิเศษด้วยกัน บางทีมดก็ยังเจอนักข่าวเดินอยู่พารากอนเลย เพราะว่ามดไปลงเรียนพิเศษไว้ที่พารากอนไปเรียนเกือบทุกวันเลยค่ะ แล้วเวลาที่ไปเรียนก็เป็นช่วงบ่ายๆ บางทีก็ไปตั้งแต่ 7 โมงเช้า (โฟร์ทำท่าจุ๊ปาก แล้วกระซิบว่า บอกทำไมเดี๋ยวเขาก็ตามไปหรอก แล้วก็หัวเราะกันสนุกสนาน) อะไรพี่... หนูก็เรียนอยู่ค่ะ บางทีก็เรียนคนเดียว บางทีคริสเขาก็เรียนเป็นเพื่อนค่ะ"
เห็นว่าเขาย้ายคณะมาเอ็นท์ใหม่ที่กรุงเทพ
"จริงเหรอคะ ก็เป็นสิทธิ์ของเขาเรื่องของเขา หนูก็ไม่รู้เหมือนกัน (เขาไม่คุยเรื่องนี้กับมดบ้างเหรอ) เขาก็บอกว่าเรียนอักษรศาสตร์ค่อนข้างที่จะเครียดเหมือนกัน เขาก็เรียนหนักเหมือนกัน เขาก็ไม่รู้จะทำยังไงดีมาปรึกษาเรา เขาตัดสินใจยังไงก็เป็นสิทธิ์ของเขาไม่ได้เกี่ยวอะไรกับมดค่ะ"
แบบนี้เขาเรียกว่าคบกันแบบไหนคะ
"ความสัมพันธ์แบบเพื่อนค่ะ ... จริงค่ะ เราก็เรียนพิเศษด้วยกันแค่นั้นเอง เขาก็ต้องคอยบอกว่าวันไหนเรียนเวลาไหนบ้าง แล้วเราก็ไปกินข้าวด้วยกันนะ แม่เราก็มีชวนเขาบ้างแต่ก็ไม่ถึงกับชวนเขาไปด้วยทุกครั้งนะคะ"
คือยังไม่ใช้คำว่า "แฟน" ใช่มั้ยคะ
"ยังค่ะ...รอให้เอ็นท์เสร็จก่อน แล้วจะมาบอกอีกทีหนึ่งว่ามันเป็นยังไง คือมดว่ามันยังเป็นเรื่องของอนาคต ตอนนี้ก็ยังไม่รู้เหมือนกัน"
เป็นเพราะแม่บอกให้มดเอ็นท์ก่อนหรือเปล่า
"คือส่วนตัวมดเองก็อยากเอ็นท์ให้เสร็จก่อนด้วย แล้วค่อยมาดูอีกทีว่าจะเอายังไงกับชีวิตดี เพราะว่าตอนนั้นเรื่องเอ็นท์ก็ออกจากหัวเราแล้ว"
งั้นตอนนี้คริสก็เป็นเพื่อนสนิทได้มั้ย
"ตอนนี้เขาก็ถือว่าเป็นเพื่อนที่สนิทที่สุดเลยก็ว่าได้มั้งคะ"
ส่วนตัวเปิดใจกับเรื่องความรักหรือยังคะ
"ยังไม่เปิดใจเต็มร้อยค่ะ ตอนนี้เปิดแค่ 20% เอง เพราะว่าเราเป็นเด็กแล้วก็มีเรื่องเรียนเรื่องงานด้วย มีเรื่องเครียดๆ ด้วย หลายๆ อย่างมันรุมเร้าเข้ามาในชีวิตนี้เหลือเกิน เราก็เลยคิดว่าไม่ดีกว่า ถ้าเราไม่อยากเอาภาระอะไรมาเพิ่มให้ตัวเองอีก"
แล้วคริสเขาปรับตัวได้มั้ยพอมาสนิทกับมดก็เป็นข่าวเลย
"อันนี้หนูไม่รู้ต้องไปถามเขาเองค่ะ...(หัวเราะ) หนูก็เคยถามเขานะเขาก็ป้ำๆ เป๋อๆ แต่เขาก็ค่อนข้างห่วงเพราะว่าเรามีข่าวเรื่องอื่นด้วย เขาก็ให้กำลังใจเราว่า เออ...ตั้งใจทำงานก็แล้วกันอย่าไปคิดมาก เอ็นท์ให้เสร็จก่อน เรื่องนี้อย่าไปสนใจเลยเดี๋ยวผู้ใหญ่เขาจัดการเอง"
ตอนนี้ก็เหมือนกับมดสนิทกับคริสคนเดียวไม่มีหนุ่มอื่นมาจีบแล้ว
"ก็ยังมีนะคะ ... (ฮั่นแน่) แต่ว่าเขามัวทำอะไรกันก็ไม่รู้ ไม่มีใครกล้าเข้ามายุ่งกับหนูเลย (หัวเราะ) ... (คริสเขาตามเฝ้ามดอยู่หรือเปล่าหรอก) ไม่ถึงขั้นเฝ้าหรอกค่ะ เขาก็คอยดูแลอยู่ห่างๆ ค่ะ ... (เป็นเพราะคริสหรือเปล่าถึงไม่มีใครเข้ามาจีบ) มั้งคะ ... หนูก็ไม่รู้เหมือนกัน"
ได้ข่าวว่าเราถูกหาว่าเป็นมือที่ 3 เพราะคริสเขาก็มีแฟนมาก่อน
"หญิงแม้น...ก็รู้จักกันนะคะไม่ใช่ไม่รู้จัก (แล้วกับไมค์ละคะ) กับไมค์ก็เป็นเพื่อนกันค่ะ เพราะว่าบางทีเราเจอกันที่ร้านดัดฟัน ไปตามงานบางทีก็ยังเจอกันเลย แล้วไปพารากอนบางทีก็ยังเจอหญิงแม้นเลย เพราะว่าแม้นเขาก็เรียนคณะเดียวกับคริส"
ก็เลยมีข่าวว่ามดกับแม้นแก้เผ็ดกันอยู่ใช่หรือเปล่า
"ไม่นะ...หนูยังคุย msn กับแม้นด้วยกันอยู่เลย (แสดงว่าสนิทกับหญิงแม้น) ไม่ถึงขั้นที่จะสนิทค่ะ แต่ว่ารู้จักกันค่ะ ก็จะพูดคุยกันบ้าง (แล้วเคยคุยเรื่องคริสกับหญิงแม้นรึเปล่า) ไม่เคยค่ะ... แต่เขารู้นะ เพราะว่ามดไปกินข้าวกับคริสแล้วก็แม่ ยังเจอหญิงแม้นเลยค่ะ ก็ o.k. ค่ะไม่มีอะไร เราเป็นแค่เพื่อนกันค่ะ"
กลัวคนจะมองมั้ยว่าเราเป็นเจ๊ดันเข้าวงการ
"จริงเหรอคะ...(เพราะเขาเริ่มเป็นที่รู้จักแล้วไง) ก็ไม่เห็นเขาจะทำอะไรเลย วันๆ เห็นเอาแต่เรียน เรียนที่มหาวิทยาลัยเสร็จก็มาเรียนพิเศษกับมดไปกินข้าวกันกับแม่ด้วยตลอดเวลาไม่เห็นจะมีอะไรเลย (ไม่กลัวคนมองว่าเขาเกาะกระแสเราเหรอ) เรื่องนี้หนูยังรู้สึกเฉยๆ นะคะ แต่ทุกครั้งที่อยู่กับคริสก็จะมีคุณแม่อยู่ด้วยตลอด ยกเว้นตอนเรียนพิเศษที่หนูไม่รู้ว่าแม่ไปไหนปล่อยให้หนูอยู่กับอาจารย์ แม่คงไม่อยากขัดสมาธิหนู คงไปเดินเล่นแล้วพอเรียนเสร็จเราก็ไปกินข้าวพร้อมกัน"
แม่ยังไม่ไฟเขียวเต็มที่
"ยังค่ะ แม่เขาซีเรียสกับเรื่องเอ็นท์อยู่เหมือนเดิม แต่เขาก็เปิดในระดับหนึ่งนะคะ แต่ยังไม่ใช่ 100% เขาก็เปิดโอกาสให้คุยได้ แต่ว่าต้องรู้จักวางตัวหน่อยแล้วกันว่าเรื่องไหนต้องมาก่อนหรือมาหลัง"
เขาน่ารักมากน้อยแค่ไหนคะ
"เขาก็น่ารักดีค่ะ ก็ o.k. นะ (แล้วเคยเจอครอบครัวคริสหรือยัง) ยังเลยค่ะ แต่บางทีเราก็คุยโทรศัพท์กับแม่ เราก็ฝากสวัสดีแม่เขาด้วยนะตามมารยาทของเด็กที่ต้องสวัสดีผู้ใหญ่ แต่ก็ยังไปถึงขั้นที่ต้องไปเจอเขา เพราะมันยังอีกไกล เพราะเราต้องคุยกับเขาเป็นปี ซึ่งหนูก็เพิ่งคุยกับเขาได้ 2 เดือนเองค่ะ"
แต่ถ้าตอนนี้มีคนมาจีบมด เราก็พร้อมที่จะคุยกับเขาใช่มั้ยคะ
"หนูจะโดนฆ่ารึเปล่าเนี่ย (หัวเราะ) ก็รับเป็นเพื่อนค่ะ (หรือว่าเกรงใจคริสกลัวเขาหึง) เขาจะมาหึงอะไรมดคะ...ไม่หึงหรอก เราเป็นแค่เพื่อนกัน แต่ถ้าลองเป็นแฟนกันซิถึงจะหึงได้ นี่ไม่มีสิทธิ์หึงเพราะเราเป็นเพื่อนกันเอง"
งั้นตอนนี้เขาก็เป็นเพื่อนสนิทไปก่อน
"ใช่ค่ะ...เป็นเพื่อนสนิทไปก่อน แล้วถ้าเกิดเอ็นท์เสร็จเมื่อไหร่ค่อยมาคุยกันอีกที เดี๋ยวตอนนี้จะไม่มีสมาธิ (มั่นใจว่าจะเอ็นท์ติดมั้ย) พี่...หนูต้องเอ็นท์ให้ติดค่ะ (พูดเสียงดังเลย) หนูเครียดกับมันมากเลย แล้วต้องเอ็นท์ติดที่จุฬาฯ ด้วย ซึ่งหนูมุ่งมั่นมาก ไม่เผื่อใจไว้เลยค่ะ"
แม่ของมดคาดหวังไว้มากมั้ยคะ
"อืม...แม่เขาคาดหวังมั้ย เขาก็คาดหวังในระดับหนึ่งค่ะ แต่เขาก็เชื่อใจเรา ทำให้เต็มที่แล้วกัน ทำให้ดีที่สุด ไม่ได้ก็ไม่เป็นไรเดี๋ยวลองที่อื่นดู แต่ด้วยความดื้อด้านของเราเองแหละ แม่เขาก็บอกนะว่าเผื่อใจไว้หน่อยก็ดีนะ ทำใจนิดหนึ่งนะ แต่เราก็ยังบอกว่ามันต้องได้มันต้องติด แล้วเราก็เต็มร้อยด้วยจริงๆ"
แสดงว่ามั่นใจมาก
"อืม...มั่นใจว่าจะต้องติดให้ได้ค่ะ (มีไปบนอะไรบ้างมั้ยคะ) ไม่ถึงขั้นที่จะไปบนนะคะ แต่ก็ไปขอกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไว้ว่า ขอให้ตัวเองติดเถอะนะคะ ถ้าหนูเอ็นท์ติดหนูจะกลับมาไหว้อีกครั้งนะคะ (เป็นงั้นไป)"
แต่ในระหว่างนี้ก็มีปัญหาเรื่องคลิปด้วย
"มีค่ะ...ช่วงแรกที่ข่าวออกมาก็มีดาวน์เหมือนกัน แต่ว่าคริสกับแม่ก็บอกว่าถ้ายูเป็นอย่างนี้นะจะเอ็นท์ติดมั้ย ทุกคนก็ให้กำลังใจและก็ทำให้เราปรับตัวได้ง่ายขึ้น เพราะด้วยความที่มดเป็นเด็กด้วยมั้ง อะไรมันก็เลยยากที่จะทำใจ แล้วยิ่งเป็นเรื่องเซ็นเซอร์ทีฟด้วยมันก็เลยปรับตัวยาก แต่ชีวิตนี้เราต้องเจออะไรอีกเยอะ ตอนนี้อายุยังน้อยอยู่เลย"
แล้วคริสเขาให้กำลังใจอะไรบ้างคะ
"อืม...เขาก็ช่วยค่ะ แต่ไม่ใช่คริสคนเดียว ยังมีคุณพ่อคุณแม่ที่ให้กำลังใจด้วย แม่ก็บอกว่าเฮ้ย! ไม่ต้องคิดมากหรอก แต่แม่เขาก็เอาคลิปมาดูเหมือนกันนะ แต่เราก็ไม่อยากเห็นแม่เครียด เราก็เลยบอกว่า o.k. นะ ถ้าแม่ซีเรียสหนูก็จะซีเรียสด้วย"
สอบเอ็นท์นี่ประกาศผลเมื่อไหร่คะ
"มันต้องยื่นผลเข้าสอบจุฬาตอนเดือนมกราค่ะ น่าจะรู้ผลสอบปลายเดือนกุมภา ไม่ก็อีกทีหนึ่งถ้าเกิดมีคนสละสิทธิ์ก็น่าจะเป็นต้นเดือนมีนาค่ะ หนูก็ไม่ค่อยมั่นใจ แต่ถ้าหนูสอบติดแล้วก็จะมาบอกพี่ๆ ทุกคนนะคะ"
ไม่ไปลองสอบโอเน็ต-เอเน็ต
"ก็มีหลายคนนะบอกให้หนูเอ็นท์ แต่ด้วยความดื้อของหนูก็ไม่เอาดีกว่า เพราะหนูมีความรู้สึกว่ามีคนแข่งขันกันเยอะ หนูก็ไม่รู้ว่าจะได้รึเปล่า แล้วอีกอย่างหนูเตรียมอ่านแต่ภาษาอังกฤษทั้งนั้นเลยค่ะ โจทย์เลขก็เป็นภาษาอังกฤษ วิชาอะไรก็เป็นภาษาอังกฤษหมดเลย หนูไม่ได้อ่านภาษาไทยเลย ไม่รู้เลยว่าจะทำได้รึเปล่า แต่ก็มีหลายคนบอกว่าให้หนูเผื่อใจไว้หน่อยก็ดีให้ลองสอบแบบนี้ดู แต่มดว่าไม่ดีกว่านะ เอาของเราให้ได้ก่อนเพราะเราเรียนอินเตอร์มา 6 ปี ถ้าทิ้งมันไปก็เสียไปเลย เราอยากให้มันเรียนต่อเนื่อง อีกอย่างหนูก็คิดว่าจะไปเรียนปริญญาโทต่อที่เมืองนอก"
ตั้งใจจะไปเรียนที่ไหนคะ
"มดคุยกับแม่ไว้แล้วค่ะ ว่าหนูจะเรียนปริญญาตรีที่เมืองไทยให้จบภายใน 4-5 ปี ไม่อยากให้มันนานกว่านั้น แล้วอาจไปต่อปริญญาโทที่อังกฤษค่ะ"
ฟ้าหลังฝนสำหรับมดสดใสแค่ไหนคะ
"ฟ้าหลังฝนของมดก็คงไม่ได้สดใสมากนะคะ เพราะว่ามันมีเครียดเรื่องอื่นด้วย แต่ก็ดีค่ะ เพราะเราได้รับกำลังใจที่ดีจากทุกๆ คนค่ะ"
ก็ได้รู้ทุกเรื่องราวทุกข่าวของหัวใจไปกับสองสาว "โฟร์-มด" แล้ว ก็ขอเป็นกำลังใจให้อีกแรงก็แล้วกันค่ะ สู้ๆ นะคะ
