ทว่ากับภาพที่ผมกำลังประสบอยู่ตรงหน้านี้ ก็ได้มีหลายสิ่งอย่างที่บ่งบอกว่า ณ ชั่วขณะนี้กำลังเกิดสภาวการณ์ที่ไม่ปกติธรรมดากับพื้นที่ตรงปลายตา
ที่นั่นปรากฏเหล่านักบินแห่งกองทัพอากาศกลุ่มหนึ่ง ซึ่งกำลังจับกลุ่มยืนและนั่งเรียง 2 แถวกันอยู่ที่พื้นที่ตรงกลางของสถานที่ หากแต่สภาวการณ์อันไม่ปกติธรรมดาตรงหน้ามิได้สื่อความหมายถึง การบุกรุกพื้นที่น่านฟ้าอันนำไปสู่เหตุการณ์อันน่าสะพรึงจนถึงขั้นเกิดสงคราม
ทว่าหมายถึงการรวมตัวกันครั้งพิเศษของกลุ่มคนดนตรีที่มีความพิเศษ และแทบไม่เคยได้ทะยานมาปะทะกันในการทำงานเพลงของแต่ละคนหรือแต่ละกลุ่ม หากมิใช่ในวาระอันสุดพิเศษจริงๆ
สำหรับครั้งนี้ พวกเขาและเธอได้มารวมตัวกันเพื่อภารกิจสำคัญที่ชื่อว่า DDT SUPERBAND 2009

โปรดิวเซอร์/ แต่งเพลง : แทน-ธารณ ลิปตพัลลภ วง Lipta
นักร้อง : เฟิร์ส-คริส หอมหวน วง Slot Machine, โฟร์-มด (ศกลรัตน์ วรอุไร - คุณัชญา ชัยรัตน์)
กีตาร์ : เมธี น้อยจินดา วง Moderndog
เบส : ก้อ-ณฐพล ศรีจอมขวัญ วง Groove Riders
คีย์บอร์ด : โซ่-แมนลักษณ์ ทุมกานนท์ & บี-โสตถินันท์ ไชยลังการณ์ วง ETC.
กลอง : ติ๊ก ชิโร่ - มนัสวิน นันทเสน
เพอร์คัสชั่น : หนุ่ม - กฤษณ์ ธรรมโชติกา วง T-Bone
คอรัส : คัตโตะ-อารมณ์ โพธิ์หาญ วง Lipta
มิกซ์ : ไก่-สุธี แสงเสรีชน
"สวัสดีครับพี่ก้อ" เสียงทักทายดังขึ้น เมื่อมือเบสและหัวหน้าวงของ Groove Riders วงดิสโก้ฟังค์หนึ่งเดียวของวงการเพลงไทยตลอดระยะเวลากว่า 8 ปี เดินทางมาถึงสตูดิโอถ่ายภาพเป็นคนแรกของกลุ่มนักร้องนักดนตรีที่แทน แห่งวงลิปตา และบรรณาธิการตัวใหญ่ได้ช่วยเลือกด้วยกรอบของความชื่นชอบในฝีมือ และเพิ่งมีผลงานอันโดดเด่นออกมาในรอบปี 2551 ที่เพิ่งผ่านพ้นไป
ซึ่งแน่นอนว่าด้วยเครดิตระดับนี้ของแต่ละคน ทำให้คำว่า "คิวทอง" ยังดูจะสื่อความชุกของงานที่แต่ละคนต้องรับผิดชอบในช่วงเดือนสุดท้ายของปีได้ไม่ครอบคลุมนัก ตารางเวลาเกือบทุกวันของแต่ละคนล้วนอัดแน่นไปด้วยคิวการแสดง จึงเป็นเรื่องที่ยากเย็นอยู่ไม่น้อยกว่าที่เรื่องของคิวการบันทึกเสียงและถ่ายภาพปก จะได้ช่วงเวลาที่ลงตัวในที่สุด
"สวัสดีครับ" แทน ที่วันนี้ปรากฏตัวมาพร้อมกับแว่นดำ ผู้กุมบังเหียนในฐานะกัปตันหรือโปรดิวเซอร์ของโปรเจ็กต์พิเศษครั้งที่ 4 ของ DDT คือเจ้าของคำทักทายครั้งที่สองนี้ ความตรงต่อเวลา และกระตือรือร้นในภาระรับผิดชอบบนหน้าตัก รวมกับไอเดียในการทำเพลงที่มีเอกลักษณ์ จึงไม่น่าแปลกใจว่าเพียงชั่วระยะเวลาเพียงไม่กี่ปี จะมีชื่อเขาไปปรากฏในเครดิตงานเพลงอันหลากหลาย ทั้งในนามลิปตาที่อัลบั้มชุดล่าสุดคือ Can U See Me? ค่อยๆ ทวีความดังมากขึ้นเรื่อยๆ จากเพลงฮิตอย่าง "ปฏิเสธไม่ไหว" กับ "อ่อนแอ" และเพลงของศิลปินอื่นๆ อย่าง Funky Wah Wah, พลอย-ณัฐชา สวัสดิ์รักเกียรติ และแน่นอน DDT Superband 2009
"ตอนแรกสุดเลยพี่เต็ดก็โทรมาบอกว่า ทำอะไรสนุกๆ ไหมแทน มีโปรเจ็กต์ DDT Superband ให้แทนเป็นโปรดิวเซอร์ แล้วก็เขียนเพลง" ชายหนุ่มวัยยี่สิบต้นๆ คนนี้ที่ชื่อแทนเล่าถึงจุดเริ่มต้นของโปรเจ็กต์ที่เขาได้ติดตามมาโดยตลอด ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องที่ต้องเสียเวลาไตร่ตรองมากมาย เมื่อได้รับการเชิญชวน
"ผมก็ตอบทันทีว่า เอาเลยครับ เพราะผมติดตามมาทุกปีอยู่แล้ว ยังเคยคิดขำๆ ว่าเฮ้ยถ้าเราได้ทำอันนี้จริงๆ เราจะเลือกใครบ้าง? ซึ่งคนที่เราคิดๆ ไว้ก็ถูกเลือกไปแล้วบ้าง พอพี่เต็ดเรียกคุยแล้วถามว่ามีใครที่เล็งๆ ไว้แล้วบ้าง มือเบสนี่ผมมีชื่อเดียวเลยคือพี่ก้อ แล้วก็มีพี่ติ๊ก ชิโร่ มาเล่นกลอง พี่ไก่ สุธี มามิกซ์ พี่โซ่ กับพี่บีมาเล่นคีย์บอร์ด ที่คิดตอนแรกมีแค่นี้ ส่วนมือกีตาร์ นักร้อง ยังไม่ได้คิด พี่เต็ดเลยบอกว่า งั้นลองไปเขียนมาก่อนดีกว่า เผื่อเขียนเพลงแล้วไอเดียสำหรับนักดนตรีจะออกมา"
"พอกลับไปลองทำเพลง ก็เริ่มคิดว่าแนวเพลงจะออกมาเป็นอย่างไร ซึ่งก็ยอมรับว่าคิดยากมากๆ เพราะจริงๆ แล้วแทนเป็นคนเขียนเพลงที่ค่อนข้างป๊อปมาก ซึ่งถ้าจะต้องมีหลายๆ คนมารวมกันนี่ ถ้าเป็นเพลงป๊อปมันจะโชว์ศักยภาพของแต่ละคนไม่ได้มากเท่าไหร่ แนวเพลงเลยยังไม่คิด เอามือตำแหน่งก่อน แล้วค่อยกำหนดเพลง"
"ผมไม่เคยเจอมือกลองแบบนี้มาก่อนเลย" แทนเป็นเจ้าของคำพูดนี้ ในช่วงเวลาที่ซาวนด์เอ็นจิเนียร์ของเขากำลังตั้งไมค์สำหรับเพอร์คัสชั่นของพี่หนุ่ม วงทีโบน ที่ให้เกียรติในร่วมงานครั้งนี้ และขนส่วนหนึ่งของเครื่องเคาะคู่ใจที่ปรากฏพร้อมกับตัวเขาบนเวที ทั้งในนามของวงทีโบน และงานเล่นดนตรีร่วมกับดีเจในสถานที่เที่ยวยามค่ำคืนหลายๆ แห่ง ในหลายคืนต่อสัปดาห์
แต่ "มือกลอง" ที่แทนกำลังชื่นชมยิ้มๆ อยู่นั้นมิได้หมายถึงพี่หนุ่ม หากหมายถึงมือกลองที่เพิ่งมาบันทึกเสียงที่ LiPSTATION Studio ห้องบันทึกเสียงส่วนตัวของเขาที่บ้านขนาดมหึมาของครอบครัวริมถนนอักษะ ในคืนก่อนหน้านี้ นั่นคือ มนัสวิน นันทเสน (หรือเดิมศิริศักดิ์ นันทเสน) - ติ๊ก ชิโร่ นั่นเอง
"พี่ติ๊กมาถึงตอน 5 ทุ่ม พอมาถึงก็พูดประโยคเดียวก่อนเข้าไปอัดว่า เดี๋ยวผมเล่นรวดเดียว แล้วคุณเอาไปเลือกใส่เอาเองเลยนะ" แทนรำลึกเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นสดๆ ร้อนๆ พร้อมหัวเราะหลังจากผ่านพ้นความกังวลที่ต้องรอการบันทึกเสียงเครื่องดนตรีชิ้นแรกของเพลงพิเศษเพลงนี้เกือบทั้งวัน จากคิวทองของนักร้องนักดนตรีนักแสดง (และล่าสุดคนทำธุรกิจโดนัทแคลอรี่ต่ำนาม Do Dee Dough) มากความสามารถคนนี้
"พี่ติ๊กเป็นคนที่มีแพทเทิร์นดีมาก ปกติเขาเป็นนักร้องนำ แต่ทุกคนก็ลืมไปว่า พี่ติ๊ก ชิโร่ นี่เขาเคยเป็นมือกลองอันดับหนึ่งของ South East Asia มาก่อน เขาก็เล่นให้เรา 2 รอบ ซึ่งมีจังหวะหยุดอยู่เยอะมากที่แสดงให้เห็นถึงอารมณ์ขันของเขาได้อย่างชัดเจนมากๆ เลยครับ แล้วก็ทำเพลงให้เพลงเปลี่ยนไปจากเดโมแทบโดยจะสิ้นเชิงเลย เราต้องใช้เวลาหลังจากอีก 2 ชั่วโมงในการนำสิ่งที่พี่ติ๊กเล่นมาใส่ให้ลงตัว"
ทว่าก็อย่างที่แทนเพิ่งบอกไป และทุกคนก็คงจะจดจำพี่ติ๊กได้ทั้งในฐานะนักร้องที่มีลีลาการร้องอันเฉพาะตัว ไอเดียของแทนสำหรับพี่ติ๊กจึงไม่จบลงพร้อมกับบีตสุดท้ายที่พี่ติ๊กตีเสร็จไป หากยังต่อยอดไปถึงท่อนแร็ปในช่วงกลางเพลงที่เขาตั้งใจเว้นไว้ให้พี่ติ๊กด้วย
"ปกติเราจะไม่ค่อยเห็นเขาแร็ปเท่าไหร่ ก็เลยเอาพี่ติ๊ก ชิโร่ มาแร็ปให้เราน่ะครับ" คือเหตุผลง่ายๆ ของเขา ซึ่งพี่ติ๊กก็ไม่ทำให้เขาผิดหวัง เพราะแม้จะเป็นการแต่งท่อนแร็ปกันสดๆ ในห้องอัด แต่ผลลัพธ์ที่ออกมาน่าพอใจ และคงอัตลักษณ์อันสนุกสนานในแบบฉบับของพี่ติ๊กอยู่อย่างเหนียวแน่น
และนั่นคือวัตถุดิบล่าสุดก่อนหน้าที่พี่หนุ่ม จะเติมไลน์เพอร์คัสชั่นของเขาเข้าไป โดยเริ่มจากกลอง Bongo หลายขนาด ก่อนที่จะตามด้วย Wind Chimes และเครื่องเคาะที่ผมไม่รู้จักชื่ออีก 4-5 ชิ้น ที่เราขนกันมาจากร้าน Saxophone ย่านอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ที่ๆ แฟนทีโบนและคนรักดนตรีได้มาพบกันในยามค่ำคืนอยู่เสมอๆ
"มันจะรกไปไหม" พี่หนุ่มถามก่อนหน้าที่จะอัดเสียงเครื่องเขย่าที่ใครหลายคนรู้จักกันในชื่อว่า "ไข่" จากไอเดียของแทนที่อยากเติมส่วนเครื่องเคาะให้สมบูรณ์ และเมื่อโปรดิวเซอร์หนุ่มของเรายืนยันว่าจะใช้เสียงเล่นสด มากกว่าโปรแกรมมิ่ง พี่หนุ่มก็ทำงานของเขาต่ออย่างตั้งใจ ก่อนปิดท้ายด้วย วินด์ไชมส์ สำหรับท่อนอินโทรของเพลง
ซึ่งด้วยประสบการณ์อันเคี่ยวกรำ ทั้งกับวงทีโบน ที่เขาได้ร่วมงานกับวงมาตั้งแต่ต้น (หรืออันที่จริง นับตั้งแต่วงดนตรีสมัยที่เขาร่ำเรียนศิลปะสถาบันเดียวกับ กอล์ฟ-นครินทร์ ธีระภินันท์) ที่เคยร่วมงานกับหลากศิลปินมานักต่อนัก พี่หนุ่มใช้เวลาเพียงไม่กี่เทคเท่านั้น พร้อมทั้งเล่นเจาะเฉพาะจุดอีกเพียงไม่กี่ครั้ง การบันทึกเสียงก็เสร็จเรียบร้อยสมฐานะของมือเพอร์คัสชั่นคนแรกๆ ที่เป็นสมาชิกหลักของวงดนตรี ในยุคที่วงการเพลงไทยเริ่มรุกหน้าในฐานะของธุรกิจที่ทำเงินมหาศาลนับจากยุคการบุกเบิกของแกรมมี่เป็นต้นมา
แล้วเพลงที่แทนตั้งชื่อให้ว่า "ถูกทุกข้อ (Check)" ก็มีโครงสร้างภาคจังหวะที่ใกล้เสร็จสมบูรณ์แล้ว
"เนื่องจากมีเวลาเขียนเพลงไม่นานมาก เพราะว่างานเร่ง ก็มีเวลาเขียนประมาณ 1 อาทิตย์" แทน อธิบายถึงขั้นตอนการแต่งเพลง "ตอนแรกเราก็คิดไปคิดมาว่า เอ๊ะ เราจะทำยังไงดีกว่า เราจะทำเพลงป๊อปแบบลิปตา หรือเราจะทำเป็นเพลงช้าดีไหม หรือจะทำอะไรดี ก็คิดไปคิดมาจนวันนึงหลังจากที่เปิด iPod ไว้ มันก็ Shuffle ไปโดนเพลงพวก 3 ช่า เพลงลูกทุ่ง ก็เลยได้ไอเดียว่า น่าจะทำเพลงลูกทุ่ง 3 ช่า ก็เลยเขียนเพลงหนึ่งออกมา เป็นเพลง 3 ช่าลูกทุ่งสนุกๆ แล้วให้พี่เต็ดฟัง"
บทเพลง 3 ช่าดังกล่าวได้กลายมาเป็นเดโมแรกที่เขาได้นำมาเสนอกับบรรณาธิการตัวใหญ่ ด้วยรูปแบบของเพลงลูกทุ่ง เนื้อหาอินดี้ที่สนุกสนาน แต่ทว่าในที่สุดเดโมนั้นก็ไปไม่ถึงขั้นตอนเรียบเรียง ด้วยเหตุผลที่ว่า "หลังจากได้ฟังพี่เต็ดเขาก็ แทนครับ แทนเอาอย่างนี้เหรอ (หัวเราะ) คนเปิดเพลงมาเขาไม่รู้ว่าแทนทำหรอก เพราะมันเป็นลูกทุ่ง เพลงแทนต้องเป็นเพลงป๊อปเท่ๆ ตามสไตล์แทนสิ ก็โอเค ผมก็เปลี่ยน" แทนอธิบายถึงจุดหักเหของไอเดียแรก ทว่ากับการเริ่มต้นใหม่ครั้งนี้ เขาเริ่มมีปัจจัยอื่นมาเสริมให้มองเห็นทิศทางชัดเจนขึ้นแล้ว เมื่อชื่อสมาชิกในตำแหน่งที่เหลือได้ถูกเติมเต็มขึ้นมาทีละตำแหน่งๆ
"ถึงตอนนั้นตำแหน่งอื่นก็เข้ามาแล้ว อย่างเช่นกีตาร์ก็เป็นพี่เมธี ส่วนตำแหน่งนักร้องนำก็เป็นเฟิร์ส Slot Machine ก็เลยเริ่มเขียนเพลง ด้วยแนวคิดจากที่พี่เต็ดบรีฟว่าให้มีเรื่องความแตกต่าง เราก็เลยคิดว่า ถ้าเราได้นักร้องนำเป็นเฟิร์สนี่ ปกติเฟิร์สร้องเพลงร็อก ถ้าเอาเฟิร์สมาร้องเพลงแนวลิปตา หรือเพลงโซลแบบที่ลิปตาชอบทำจะเป็นยังไง ก็เลยทำเพลงนี้ขึ้นมา แล้วก็เอาเฟิร์สมาร้องป๊อปของผม"
"ผมชอบเพลงนั้นมาก ชอบทุกอย่าง ทั้งดนตรี เมโลดี้ เตรียมตัวไว้แล้วครับ แต่พอไม่สบายทีเดียว ก็รู้สึกเสียดาย" เฟิร์ส แห่ง Slot Machine ในภาพลักษณ์และแว่นตากันแดดอันคุ้นตา ต่างเพียงเครื่องแต่งกายที่กลายเป็นชุดนักบิน เพื่อรอการถ่ายภาพที่กำลังจะเกิดขึ้น "เพลงนั้น" ที่เขากำลังพูดถึง มิได้หมายถึงเพลงของวงเขา หากหมายถึงเพลง "วันที่ตื่นจากฝัน" จากโปรเจ็กต์ DDT Superband 2007 ซึ่งเดิมทีเขาเป็นตัวเลือกแรกสุดสำหรับตำแหน่งนักร้องนำของ DDT Superband วงที่สอง ก่อนที่เขาจะมีปัญหาเรื่องเส้นเสียงอย่างกะทันหัน ทำให้เขาจำเป็นต้องขอตัวจากการร่วมงานครั้งนั้น โดยมีจีน นักร้องนำวง Futon ในตอนนั้นมาเป็นอัศวินม้าขาวที่ช่วยทำให้งานคราวนั้นจบลงได้โดยสมบูรณ์
ไม่เพียงเฟิร์ส แต่เราก็รู้สึกเสียดายไม่แพ้กัน สำหรับการได้ร่วมงานกับนักร้องน้ำเสียงทรงพลังเช่นตัวเขา ด้วยเหตุนั้น หลังจากที่สลอตแมชชีนได้กลับมาพร้อมกับอัลบั้มชุดต่อมาคือ Grey ชื่อของเขาก็ถูกเสนอขึ้นเพื่อทาบทามให้มาร่วมโครงการนี้อีกครั้ง
โชคดีสำหรับทุกคน ที่คราวนี้ไม่มีอุปสรรคสำหรับพวกเรา เมื่อผ่านขั้นตอนการทาบทามตอบรับไปแล้ว เดโมเพลงก็ถูกส่งไปให้เฟิร์สได้ฟัง
"ผมได้ฟังตั้งแต่เพลงแรก ก็งงเหมือนกันนะครับว่า แล้วผมจะร้องได้หรือเนี่ย?" เฟิร์สเล่าถึงเดโมเพลงลูกทุ่งของแทน "จากนั้นพอรู้ว่าได้ร้องกับน้องโฟร์-มด ผมก็ยิ่งรู้สึกว่า เฮ้ย จะดีหรือวะ? เพราะผมร้องแบบร็อกๆ แรงๆ เต็มๆ แล้วน้องเขาเสียงแบบ Friendly มากเลย ผมก็เลยกลัวว่า ผมจะเกินเขาหรือเปล่า"
แต่เฟิร์สก็กังวลได้ไม่นานนัก เขาก็ได้รับเดโมเพลงใหม่ ซึ่งเปลี่ยนเป็นแนวออกโซลและป๊อป ก็ทำให้ความกังวลในตอนแรกลดลงไปมากพอสมควร แม้ว่าจะยังคงไม่ใช่เพลงในสไตล์ที่เขาถนัดอยู่ดี "เท่าที่ผ่านมานี่ ผมไม่เคยทำเพลงแนวนี้มาก่อน อย่างมากก็เป็นป๊อปร็อก หรือที่แปลกกว่านี้หน่อยก็เป็นสกา แต่ว่าอย่างโซลป๊อปก็ยังไม่เคยมีโอกาสทำเหมือนกัน" เฟิร์สเล่ายิ้มๆ
หลังจากที่ได้ฟัง เฟิร์สก็ทุ่มเทกับการตีความบทเพลง "ถูกทุกข้อ" เพลงนี้ในมุมมองของเขา เท่าที่เวลาและโอกาสจะอำนวย ซึ่งนำมาซึ่งคำขอผ่านไปถึงแทน เกี่ยวกับคำร้องบางคำบางวลีที่เขารู้สึกว่าไม่เข้าปากเขามากนัก "มันก็จะมีบางคำครับที่มันจะร้องลำบากปาก เพราะเวลาคนเราใช้คำพูดจะไม่เหมือนกัน ก็จะมีบิดๆ บ้าง ประมาณ แค่ เป็น ทำ นิดหน่อยครับ เพื่อให้มันสะดวกกับการออกเสียง แต่คงไม่เปลี่ยนอะไรเยอะหรอกครับ ก็คงคุยๆ กันอีกที" เฟิร์ส อธิบาย
และผลจากการร่วมวางไอเดียร่วมกันระหว่างนักร้องกับโปวดิวเซอร์ที่อยู่ในวัยไล่เลี่ยกัน และเต็มเปี่ยมไปด้วยไฟในการสร้างงานสร้างสรรค์พอๆ กันก็กลายมาเป็นบทเพลงที่แตกต่างออกไปจากงานของลิปตา และสล็อตแมชชีน
เมื่อเวลาเลื่อนไปถึงเวลาเที่ยงของวัน สตูดิโอก็พลันสดใสขึ้นเมื่อ มด สมาชิกคนน้องจาก โฟร์-มด ได้มาถึง ด้วยความร่าเริงสมวัย ไม่ส่อความเหน็ดเหนื่อยจากรายการโทรทัศน์ที่เธอเพิ่งไปถ่ายทำในช่วงเวลาก่อนหน้านั้นเลย ก่อนหน้าที่สมาชิกคนพี่จะเดินทางมาถึงในระยะเวลาใกล้ๆ กัน
ระหว่างที่ทั้งสองได้ย้ายจากห้องอาหารที่ใช้รับรองสมาชิก DDT Superband 2009 ไปห้องติดกันเพื่อแต่งหน้า ทำผม และเปลี่ยนชุดเป็นนักบินสาวของพวกเธอ ผมก็นึกไปถึงค่ำเดียวกับที่ พี่หนุ่ม ได้ไปบันทึกเสียงที่บ้านของแทน ในชั่วขณะที่การบันทึกเสียงคิวแรกได้เสร็จสิ้นไป สองสาวแห่ง Kamikaze ที่กำลังงานชุก ประสาช่วงโปรโมตอัลบั้มชุดใหม่คือ Come On! Come On! ก็เดินทางมาถึงพร้อมกับทีมดูแลศิลปินของอาร์เอส
"เป็นไงครับ เดินทางเหนื่อยไหม" ผมถามพีอาร์สาวที่มาพร้อมกับสาวๆ "ไม่เป็นไร เดินทางแป๊ปเดียวเอง น้องเขาเฮฮามาตลอดทางเลย" พีอาร์สาวตอบ ซึ่งเมื่อผมได้ลองโผล่หน้าไปในห้องบันทึกเสียง ก็คล้อยตามคำบอกเล่านั้น เพราะแม้เป็นช่วงที่มดกำลังเดินเข้าไปในห้องอัดเสียงร้อง ในขณะที่โฟร์นั่งรออยู่ที่โซฟา เบื้องหลังแผงคอนโซล แต่ทั้งคู่ก็ยังพูดคุยปล่อยมุขสลับร้องเพลงเป็นระยะๆ
น่าเสียดายที่ด้วยภารกิจต้องพาพี่หนุ่มนำเครื่องไม้เครื่องมือของเขาไปเก็บที่ร้านแซกโซโฟน ทำให้ไม่มีโอกาสได้เห็นการทำงานระหว่างแทน และสองสาว ดังนั้นเมื่อได้เจอแทนในวันถ่ายภาพปก คำถามจำนวนหนึ่งที่ผมได้พูดคุยกับเขาจึงเป็นเรื่องราวในคืนนั้นของเขากับโฟร์-มด "ตอนที่เลือกว่านักร้องผู้หญิงเป็น โฟร์-มด เราก็อยากให้โฟร์มดร้องในแบบที่เขาไม่เคยทำบ้าง ก็เลยดีไซน์ให้เขาร้องเพลงที่โตกว่าที่โฟร์มดเคยร้อง" แทนกล่าว เมื่อผมถามถึงการร่วมงานครั้งที่สอง หลังจากที่เขาเคยทำเพลงให้กับงานชุดล่าสุดของโฟร์-มด มาแล้ว ทว่านั่นก็เป็นการทำงานเรียบเรียงดนตรีร่วมกับโปรดิวเซอร์ของโฟร์-มด เท่านั้น ยังไม่เคยทำงานแบบเจอเนื้อเจอตัวกันมาก่อน
"แล้วบรรยากาศการอัดเสียงเป็นอย่างไรบ้าง?" ผมถามด้วยความอยากรู้ว่าสำหรับโปรดิวเซอร์ที่เคยทำงานกับนักร้องระดับ "Diva" มาหลายต่อหลายคนรวมถึง คัตโตะ นักร้องของลิปตาด้วย การได้คุมร้องของนักร้อง Teen Idol อย่างโฟร์-มด จะเป็นอย่างไรบ้าง
"สำหรับโฟร์มดนี่ถ้าจะให้บอกจริงๆ คืออัดเสียงกันแป๊บเดียวเลย ผมคิดว่าด้วยความที่โฟร์มดนี่เขาได้เข้าห้องอัดเยอะมาก เพราะเขาปล่อยงานออกมาเยอะ เพราะฉะนั้นในเรื่องความชำนาญในห้องอัด หรือการที่เราบอกว่า มดร้องอย่างนี้นะ โฟร์ร้องด้วยเสียงแบบนี้นะ เขาจะสามารถทำตามที่เราบอกได้เลย แล้วก็ไม่มีอีโก้อะไรเลย พี่ ร้องกี่รอบก็ได้เลยนะ เอาอันไหนก็เอา เป็นการทำงานที่ง่าย ไหลลื่นแล้วก็สนุกมาก แป๊ปเดียวเสร็จ" แทนอธิบาย
"บางคนอาจจะคิดว่าโฟร์มด Pop Teen Girl Group ไม่น่าจะร้องดีอะไรมากมาย แต่ผมอยากจะบอกว่าจริงๆ โฟร์มดเป็นคนที่ร้องเพลงโอเคเลยนะครับ อย่างมดนี่ร้องดีเลยเปิดเพลงรอบสองรอบก็ร้องตามได้แล้ว แต่เราก็ต้องยอมรับว่าถ้าเราให้โฟร์-มด ร้องแบบเจนนิเฟอร์ คิ้ม เขาคงร้องไม่ได้ เราจึงต้องให้เขาร้องแบบโฟร์-มด ที่เขาถนัด แล้วเขาทำได้ดีที่สุด"
"ความน่ารัก แท้ที่จริง ต้องเธอคนนี้นั้น ไม่ใช่ใคร" อยู่ดีๆ เสียงร้องหวานใสของโฟร์-มด ในช่วงประโยคนี้ก็ผุดขึ้นในหัวของผมโดยไม่รู้ตัว
การถ่ายทำเริ่มจากคิวถ่ายเดี่ยว โดยเริ่มตามลำดับจากพี่ก้อ ที่มีคิวต้องไปทำงานต่อช่วงบ่ายโมง อันพิสูจน์ให้เห็นว่าแม้ Groove Riders จะออกอัลบั้มชุดล่าสุดมาหลายเดือน หากพี่ก้อและวงของเขาก็ยังฮอตไม่เปลี่ยนแปลง ก่อนจะตามด้วย แทน, พี่หนุ่ม และ พี่ไก่-สุธี แสงเสรีชน
"สวัสดีครับ ไม่ได้เจอกันนานทีเดียว" พี่ไก่ทักผมด้วยคำนี้ พร้อมรอยยิ้มกว้างอันคุ้นตา ที่ยังคงความเป็นมิตรอยู่เสมอไม่ว่าจะเวลาผ่านไปขนาดไหน ด้วยเครดิตยาวเหยียด นับตั้งแต่งานเบื้องหน้ายุค Grand Ex' ที่มีเพลง "เกิดเป็นผู้ชาย" เป็นเหมือนเพลงประจำตัวเรื่อยมาจนถึงงานเบื้องหลังในฐานะเจ้าของค่ายอินดี้อย่าง Tree Music ที่ปั้นวงอย่างอะลาดิน และพองพอง หรือผู้ดูแลเนื้อหาส่วนของดนตรีใน TK Park ก่อนที่จะกลับมาเบื้องหน้าแบบครึ่งตัวในฐานะ Commentator ของรายการยอดฮิตอย่าง Academy Fantasia ทว่าตลอดมานั้นงานหลักที่พี่ไก่ไม่เคยห่างหายเลยคืองานในห้องบันทึกเสียง โดยเฉพาะในส่วนของงานมิกซ์และโปรดิวเซอร์ อันมีหลักฐานเป็นเครดิตในงานจำนวนมากของค่าย Bakery Music, Dojo City มาจนถึง Love is และอัลบั้มทั้ง 2 ชุดของลิปตา ดังนั้นเมื่อมีการพูดถึงตำแหน่งมิกซ์เพลงของ DDT Superband 2009 ตัวเลือกแรกและตัวเลือกเดียวสำหรับแทนจึงเป็นพี่ไก่
"แน่นอนเลยคนแรกที่สำคัญสุดเลยคือพี่ไก่ สุธี" คือคำยืนยันจากแทน "มันก็เหมือนกับวัตถุดิบในการทำอาหารนะครับ ไม่ว่าเนื้อสดจะดีแค่ไหน แต่ถ้าคนปรุงไม่ดีเนี่ยก็ทำให้เนื้อสดๆ กลายเป็นเนื้อแย่ได้ เพราะฉะนั้นคนแรกที่คิดเลยเมื่อทำงานนี้ก็คือ คนที่ปรุงอาหารหรือคนมิกซ์เพลง ซึ่งพี่ไก่ สุธี นี่ก็มิกซ์เพลงให้แทนตั้งแต่งานชุดแรกแล้ว ผ่านงานมิกซ์พี่บอย, โต๋ ผ่านมาเยอะมาก ไว้วางใจได้แน่นอนเลย"
ด้วยเหตุนั้น เมื่อพี่ไก่ได้ไปเข้าฉากสำหรับการถ่ายเดี่ยว คนดนตรีมากประสบการณ์คนนี้กับเสาอากาศที่ถือไว้เพื่อสื่อถึงตำแหน่งผู้ควบคุมการบินของเขาจึงเหมาะกับคาแรคเตอร์และคุณวุฒิของพี่ไก่ ด้วยประการทั้งปวง
หลังจากคิวของพี่ไก่ ก็ได้เวลาของโฟร์-มด และการถ่ายภาพหมู่เมื่อพี่ ติ๊ก ชิโร่ ได้เดินทางจากห้องอัด อสมท. มาถึงสตูดิโอ ด้วยผมสีทองที่เพิ่งย้อมมาสำหรับอัลบั้มชุดใหม่ที่ออกมาต้อนรับการมาถึงของปี 2552 ของเขา ถัดจาก 2 ซิงเกิ้ลที่ปล่อยออกมาล่วงหน้า คือ "ชัดเจน" และ "สหวีวี่วี (พระจันทร์เต็มดวง)" ประกอบกับความกระตือรือร้นอันเป็นภาพคุ้นตาของเขาก็ยังคงทำให้บรรยากาศในการถ่ายทำในวันนี้ร่าเริงขึ้นอีกมาก นอกเหนือจากโดนัท Doo Dee Dough ที่พี่เขาเอามาฝากทีมงาน และศิลปินในทีม DDT Superband รุ่นเดียวกัน
ไม่เพียงเท่านั้น การปรากฏตัวของพี่ติ๊กได้ทำให้ความพิเศษเฉพาะของความเป็น DDT Superband ครบถ้วนในความหมาย นั่นคือความหลากหลายและความเป็นกลางที่ไม่จำกัด และยึดติดกับค่ายเพลงใด และแนวทางดนตรีแบบไหน เหมือนกับที่แทนได้พูดคุยไปในช่วงก่อนที่การถ่ายภาพหมู่จะเริ่มต้น
"DDT Superband จะเป็นการรวมหลาย Generation รวมหลายค่าย ด้วยที่ไม่มีทางได้มาเจอกัน ก็มีแกรมมี่ RS มี Sony BMG มี SpicyDisc มีเต็มไปหมดเลย" แทนกล่าว "แทนไม่เคยร่วมงานกับพี่ก้อมาก่อน แต่จะเคยร่วมงานกับพี่กั้ง (อดิศักดิ์ หัตถกุลโกวิท มือกีตาร์) กับพี่มาตร (มาตรชัย มะกรูดทอง มือกลอง) Groove Riders นี่เคยมาอัดให้ลิปตาบ่อยเหมือนกัน หรืออย่างพี่บี กับพี่โซ่ เคยมาช่วยงานลิปตาชุดหลังสุดด้วย ดังนั้นการทำงานครั้งนี้จึงมีทั้งคนที่เคยร่วมงานมาแล้ว แล้วก็คนอื่นที่ยังไม่เคยร่วมงานด้วยแต่ก็เป็นความสนุกที่อยากลองดู เพราะมันก็เป็นความแปลกที่ ถ้าได้ฟังเพลงที่เสร็จออกมา ก็จะรู้ว่ามันจะเป็นเพลงป๊อปง่ายๆ แต่มันก็จะมีอะไรซ่อนอยู่"
น่านฟ้าเวลานี้ได้คืบคลานเข้าสู่ความมืด หากสงบราบคาบจากกลางวันสู่อีกหนึ่งค่ำคืน เวลาได้ผ่านไป เช่นเดียวกับการถ่ายทำสำหรับภาพที่ประดาไปด้วย DDT Superband 2009 ที่ได้เสร็จสิ้นไป สมาชิกแต่ละคนได้เปลี่ยนชุดนักบินกลับไปเป็นชุดปกติ และเดินทางกลับ
การรวมตัวกันเพื่อภารกิจครั้งพิเศษครั้งนี้กำลังจะจบลง เพียงความทรงจำเท่านั้นที่ยังคงโลดแล่นต่อไป ทีละขั้น ทีละตอน กว่าที่เพลง "ถูกทุกข้อ" จะเสร็จสิ้น ผ่านพ้นการทำงานทุกกระบวนการที่ใช้เวลาค่อนข้างนาน ด้วยปัญหาเรื่อง "คิวทอง" ของแต่ละคนอย่างที่บอกไปในตอนต้น อันยังผลให้แต่ละคนต้องอยู่ในสภาวะชีพจรลงเท้า ต้องออกทัวร์ไปในที่ต่างๆ ทั่วประเทศ ทำให้หลายคนที่ไม่สามารถมาอัดเสียงที่แห่งบัญชาการใหญ่ ณ สตูดิโอ ของแทนได้ หากด้วยความเป็นมืออาชีพ และประสบการณ์อันเคี่ยวกรำ ทำให้พี่ก้อ, พี่เมธี และ 2 คู่หูมือคีย์บอร์ดของวง ETC. คือ พี่โซ่ กับพี่บี บันทึกเสียงที่สตูดิโอส่วนตัวของพวกเขา
สำหรับพี่ก้อนั้นด้วยฝีมือระดับศิษย์เก่าสถาบันดนตรีระดับโลกอย่าง Beklee College of Music กอปรกับความช่ำชองในงานโปรดิวซ์และบันทึกเสียงอยู่แล้ว ในขณะที่มือกีตาร์ฮีโร่คนแรกสุดของแวดวงอัลเตอร์เนทีฟในไทย ที่แม้จะไม่สันทัดจัดเจนกับการทำงานในแนวทางนี้นัก ทว่าหลังจากที่ลองปรับทิศทางการเล่นมาหลากหลาย ในช่วงเวลาว่างที่มีอยู่อย่างจำกัด ท่ามกลางการทัวร์กระหน่ำของโมเดิร์นด็อก ในที่สุดงานส่วนของกีตาร์ก็จบลงด้วยดี กระทั่งจบสิ้นกระบวนการที่สารพันไลน์คีย์บอร์ดของพี่โซ่กับพี่บี ที่บันทึกเสียงในตอนดึกของคืนหนึ่ง ระหว่างงานคอนเสิร์ตที่ถือได้ว่าชุกมากที่สุดวงหนึ่งของชั่วโมงนี้ สำหรับ ETC. ทว่ากับผลลัพธ์ที่ออกมาก็ต้องยอมรับโดยดุษณีว่าคุ้มค่าแก่การรอคอย และทำให้ "ถูกทุกข้อ" และ DDT Superband 2009 สมบูรณ์ในความหมายของคำว่า "พิเศษ" ดังจุดประสงค์ที่บรรณาธิการตัวใหญ่ได้ตั้งใจเอาไว้ในตอนแรกเริ่มเป็นต้นมา
ภาพแฟชั่นในฉบับ คลิ๊ก!!
