ชาเย็น : สวัสดีครับ ชาเย็นพาคุณตระเวณชิมอาหารตามที่ต่างๆ มาแล้วครับ เป็นอย่างไรบ้างกับของขวัญชิ้นพิเศษที่ผมตั้งใจมอบให้ในฉบับที่แล้ว ความพิเศษไม่ได้มีเพียงแค่ฉบับเดียวนะ เพราะฉบับต้อนรับวันวาเลนไทน์จะมาแบบธรรมดาคงเสียชื่อชาเย็นกับเจ้านายแน่ๆ มาดูกันดีกว่าว่าครั้งนี้พวกเรามีอะไรมาทำให้คุณประหลาดใจกันอีก
เจ้านาย : รู้สึกว่าชาเย็นจะมีท่าทางแปลกๆ ตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว เห็นนั่งดูละครเศรษฐีข้างเขียงไม่ยอมเข้านอน ทั้งๆ ที่รู้ว่าต้องไปทำงานตั้งแต่เช้าแท้ๆ แถมตอนเช้ายังรีบตื่นขึ้นมาอาบน้ำหวีขนเสียหล่อขนาดนี้ แล้วยังแอบทำตาเจ้าเล่ห์อีกด้วย อย่างนี้ต้องมีอะไรแน่ๆ
ชาเย็น : อันที่จริงก็ไม่มีอะไรหรอกครับ แต่เดือนนี้เป็นเดือนนี้เป็นเดือนแห่งความรัก ชาเย็นเลยแอบนัดใครบางคนเอาไว้ที่ร้านอาหารที่เราจะแนะนำให้เพื่อนๆ ลองไปกินกัน เลยขอเพิ่มความน่ารักให้ตัวเองเป็นพิเศษ แล้วก็ต้องมีอะไรพิเศษๆ ให้เพื่อนๆ และน้องหมาได้เพลิดเพลินใจกันบ้าง
"ร้านอาหารจุดชมวิวทะเลกรุงเทพฯ" ฟังแค่ชื่อร้านก็บอกได้เลยว่าต้องอะไรเกี่ยวข้องกับทะเลแน่ๆ แต่กรุงเทพฯ มีทะเลได้อย่างไรกัน เดี๋ยวเพื่อนๆ ก็จะไม่งงแล้วล่ะ เพราะเราจะพาไปรู้จักกับร้านนี้กัน
ร้านอาหารจุดชมวิวทะเลกรุงเทพฯ เป็นร้านอาหารที่ตั้งอยู่ในเขตบางขุนเทียน อยู่ในซอยถนนบางขุนเทียนชายทะเลการเดินทางเริ่มจากขับรถมายังท่าเรือจุดชมวิวทะเลกรุงเทพฯ แล้วต่อเรือหางยาวซึ่งแล่นเลียบคลองที่มีป่าชายเลนที่หาดูได้ยาก ไปโผล่อีกทีตรงกลางทะเลอ่าวไทย ซึ่งจะมีเสาหลักแบ่งเขตระหว่างกรุงเทพฯ และสมุทรปราการอยู่กลางทะเล นับว่าหาดูได้ยากยิ่งนัก หากกลัวหลงก็ลองเปิดแผนที่ และดาวน์โหลดบัตรส่วนลดได้ที่ www.bangkokseaview.com แต่สำหรับเพื่อนๆ ชาว Dogazine ไม่ต้องยุ่งยากแค่นำนิตยสารไปแสดงที่ร้านก็ได้รับส่วนลด 10% เลยทีเดียว ชาเย็นกับเจ้านายจัดการให้เรียบร้อยแล้ว โอ๊ะ! แขกรับเชิญพิเศษของชาเย็นมาแล้วครับ
แต๊น แต๊น แต๊น แตน...แขกรับเชิญพิเศษของเราคือ "พี่โฟร์ หรือ ศกลรัตน์ วรอุไร" ซึ่งจะมาช่วยชาเย็นกับเจ้านายแนะนำร้านอาหารแห่งนี้ แถมพี่โฟร์ยังเอาน้องน้ำพุ สุนัขแสนรักมาด้วยอีกต่างหาก ชาเย็นกับพี่โฟร์ขอไปสำรวจร้านก่อนนะครับ ช่วงนี้ให้เจ้านายแนะนำร้านไปก่อนแล้วกัน (เจ้านาย - แหม...พอเห็นสาวเข้าหน่อยทิ้งเจ้านายเลยนะชาเย็นนะ เอาล่ะ ไม่ว่ากัน เพราะแขกรับเชิญของเราน่ารักจริงๆ)
"ร้านอาหารจุดชมวิวทะเลกรุงเทพฯ" เป็นร้านที่เกี่ยวข้องกับทะเล ไม่ว่าจะเป็นการเดินทาง หรืออาหาร ขนาดแม่ครัวยังเป็นชาวประมงในพื้นที่นี้เลย ทางร้านจึงสามารถรับประกันความอร่อยของอาหารทะเลสดๆ ได้ตลอดเวลา แม้ว่าจะต้องเดินทางด้วยเรือ แต่คุ้มสุดๆ ลองนึกภาพดูก็แล้วกัน ได้นั่งเรือหางยาวที่แล่นตามป่าชายเลนไปสู่กลางทะเลอ่าวไทย กระแสลมเย็นๆ ที่พัดผ่านละอองน้ำเย็นๆ สุดแสนจะโรแมนติก งานนี้ขอบอกว่าสนุกทั้งคน และน้องหมา ส่วนเรื่องความปลอดภัยก็หายห่วงได้เลย เพราะมีชูชีพเตรียมไว้เพื่อความปลอดภัยอยู่แล้ว ร้านเปิดบริการตั้งแต่ 11.00-21.00 น. เดี๋ยวขอผมไปสั่งอาหารไว้ต้อนรับแขกคนพิเศษก่อน ระหว่างนี้ก็ให้ชาเย็นกับน้องโฟร์มาแนะนำมุมต่างๆ ของร้านไปพลางๆ นะครับ
ชาเย็นกับพี่โฟร์มาแล้วครับ เมื่อสักครู่นี้ชาเย็นชวนพี่โฟร์ไปสำรวจมุมต่างๆ ของร้านมาเรียบร้อยแล้ว สวยแล้วก็แปลกมากเลยครับ ก็ร้านตั้งอยู่กลางทะเลนี่นา มองไปทางไหนก็เห็นแต่น้ำทะเล คิดแล้วก็อยากจะลงไปว่ายน้ำเล่น แต่เจ้านายสั่งไว้ว่า "ทะเลที่นี่อยู่กลางอ่าว น้ำจึงค่อนข้างลึก ไม่เหมือนน้ำตามชายหาด เพราะฉะนั้นน้องหมาควรจะต้องอยู่ในสายจูงตลอดเวลา" และเพื่อความปลอดภัยของน้องหมาทุกตัว หากมาที่ร้านนี้ก็อย่าลืมอยู่ในสายจูงตลอดเวลานะครับ ด้วยความปรารถนาดีจากชาเย็นครับผม เราไปดูแต่ละมุมของร้านกันเลยดีกว่า ปล่อยให้พี่โฟร์ยืนรอนานแล้ว
เป็นธรรมดาที่เมื่อมาถึงร้านอาหารเราก็ต้องเลือกโต๊ะนั่งก่อนเป็นอันดับแรก ที่นี่มีโต๊ะญี่ปุ่นแบบนั่งบนเบาะกับโต๊ะแบบธรรมดา ไม่ว่าจะเป็นโต๊ะแบบไหน มุมไหน ก็มองเห็นทะเลได้ทั้งหมด ทางเดินเป็นพื้นไม้ที่ใช้สร้างบ้านสไตล์ชาวเล ความพิเศษของร้านนี้คือจะมีเสาไว้ให้คล้องสายจูง แล้วให้น้องหมานั่งเล่นกินลมชมวิวได้อย่างสบายใจโดยไม่ไปรบกวนเจ้านายขณะรับประทานอาหาร อุ๊ย! เจ้านายสั่งอาหารเสร็จแล้ว กลิ่นหอมมากๆ เลย เราไปกินอาหารกันดีกว่าครับ
มาทะเลทั้งที ถึงแม้จะเป็นทะเลกรุงเทพฯ ก็ตาม ก็ต้องกินอาหารทะเลถึงจะถูก เพราะฉะนั้นรายการอาหารที่ผมสั่งจึงเป็นอาหารทะเลล้วนๆ เรามาลองชิมกันว่าจะอร่อยสักแค่ไหน
เริ่มจาก หอยนางรมทรงเครื่อง เป็นหอยนางรมสดๆ ตัวใหญ่มากๆ ซึ่งหาทานในกรุงเทพฯ ได้ยาก เสิร์ฟพร้อมยอดกระถิน น้ำพริกเผา และหอมเจียว จานต่อมาเป็น ปูไข่ผัดผงกะหรี่ แม่ครัวนำปูทะเลสดๆ ที่เนื้อแน่น และเต็มไปด้วยไข่ปูมาผัดกับผงกะหรี่สูตรชาวเลโบราณที่ไม่มีการใส่ไข่ เรียกว่ากินกันเนื้อๆ เน้นๆ เลยทีเดียว จานต่อไปคือ ปลากระบอกทอดกระเทียม ซึ่งเป็นปลาที่หาทานได้ยาก ทีเด็ดของจานนี้อยู่ที่กระเทียมพริกไทยที่ใช้พริกไทยเม็ดเป็นส่วนผสม รสชาติจึงทั้งเผ็ด ร้อนและหอมพริกไทยอย่างลงตัว อีกหนึ่งจานที่ขอแนะนำก็คือ ปูม้านึ่ง ทางร้านนำปูม้าเป็นๆ มานึ่ง เนื้อจึงแน่น ไม่เหลว รสชาติหวานอร่อย เรียกว่าเป็นอาหารที่เข้ากับบรรยากาศมากที่สุด ตบท้ายด้วยอาหารที่น้องโฟร์ติดใจจนอยากแนะนำ จานนี้เป็นอาหารพิเศษของทางร้าน ใครมาก็ต้องสั่ง นั่นคือ ปลากะพงสองใจ เป็นการผสมผสานรสชาติความหวานของซอสที่แฝงด้วยรสเผ็ดนิดๆ กับรสเค็มของกระเทียมเจียวทอดที่โรยอยู่บนปลากะพงตัวโตทอดกรอบ
ส่วนที่มาของคำว่าสองใจ คือเราสามารถเลือกทานได้ทั้งสองรสชาติ เอาใจทั้งคนชอบหวาน และชอบเค็ม รายการอาหารที่ผมแนะนำมานี้เป็นเพียงแค่เศษเสี้ยวของรายการอาหารทั้งหมดของทางร้านนะครับ เพราะร้านนี้มีรายการอาหารกว่า 300 รายการที่คอยเอาใจเพื่อนๆ ไม่ว่าจะเป็นแกงส้มกุ้งใบชะคาม ที่ใช้ใบชะคามซึ่งเป็นผักเฉพาะพื้นที่ ไม่มีวางขาย หรือจะเป็นหอยหลอดฉู่ฉี่ ปลากะพงทอดน้ำปลา ทอดมันกุ้ง กุ้งอบวุ้นเส้น ก็ล้วนแต่เป็นอาหารเอาใจคนชอบซีฟู้ดทั้งนั้น ทุกอย่างทางร้านย้ำมาเลยว่าสดจริงๆ ไม่มีผิดหวัง แนะนำรายการอาหารมาตั้งเยอะแล้ว ผมกับน้องโฟร์ขอกินอาหารอร่อยๆ ก่อนนะครับ ปล่อยให้ชาเย็นนั่งชมวิวตามประสาน้องหมาไปก่อน ช่วงหน้าหนาววิวจะสวยมีหมอกลง เจ้านายกินเสร็จแล้วจะเรียกนะ ชาเย็นนะ
หลังจากที่ทุกคนกินเสร็จแล้ว ก็ถึงเวลาที่ชาเย็นจะทำหน้าที่อีกครั้งโดยชาเย็นชวนพี่โฟร์ไปเดินเล่นย่อยอาหารเป็นเพื่อนด้วย เนื่องจากร้านนี้ตั้งอยู่กลางทะเล จึงมีมุมสวยๆ ให้ถ่ายภาพเก็บไว้เป็นที่ระลึกมากมาย และโอกาสที่จะได้อยู่ใกล้คนสวยๆ อย่างพี่โฟร์ก็มีไม่บ่อยนัก ดังนั้นชาเย็นผู้น่ารักจึงไม่รอช้า รีบชวนพี่โฟร์ไปถ่ายรูปเก็บไว้ตั้งหลายรูป อุ๊ย! เกือบลืมบอกไปว่าตอนนั่งเรือมาที่ร้านอย่าลืมถ่ายรูปเสาหลักแบ่งเขตกลางทะเลเก็บไว้นะ หลายๆ คนเกิดมายังไม่เคยเห็นเลย อืม...ใกล้ค่ำแล้ว ถึงเวลาที่ชาเย็นกับเจ้านายจะต้องกลับแล้วล่ะ Go! Go! (เจ้านาย : แหม...เจ้าชาเย็นขี้ประจบ ทุกครั้งจะเห่า โฮ่ง! โฮ่ง! โฮ่ง! แต่คราวนี้อยากจะเอาใจน้องโฟร์ เลยส่งเสียงเป็นชื่ออัลบั้มเลยนะ)
แล้วพบกันใหม่ฉบับหน้าครับ อย่าลืมช่วยกันรักษาความสะอาด และดูแลน้องหมาตอนไปทานอาหารด้วยนะครับ ชาเย็นขอร้อง "Happy Valentine นะครับ..."
ชาเย็นกับเจ้านาย
